22 มกราคม วันคล้ายวันประสูติของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ครบรอบ 141 ปี
อีกหนึ่งตัวอย่าง ของการปฏิบัติหน้าที่ของ “เจ้า” ที่ต่างกับ “นักการเมือง” ราวฟ้ากับเหว
ปี 2475 ผู้ที่ปฏิวัติรัฐประหารประเทศไทยเป็นครั้งแรก คือนักการเมือง
โดยนักการเมืองทั้งที่อยู่ในคราบพลเรือน และในคราบทหาร ให้เหตุผลหนึ่งของการปฏิวัติคือการปฏิบัติหน้าที่มิชอบของเจ้า
ปีปัจจุบัน นักการเมืองยังคงใช้วิธีใต้ดิน เพื่อโจมตีว่า เจ้า ปฏิวัติหน้าที่มิชอบ
แต่ถ้าเราได้ศึกษาประวัติศาสตร์อย่างจริงจัง เราจะพบว่า
เจ้าหรือนักการเมือง?
ใครกันแน่ ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ใครกันแน่ ที่ทำเพื่อพวกพ้อง
ใครกันแน่ ที่โกงกินบ้านกินเมือง
ตอนคณะราษฏรทำการปฏิวัติสยาม 2475 คนของคณะราษฏร เขียนใบประกาศแจกจ่ายในประชาชน รวมทั้งตั้งโต๊ะแถลงการณ์ ด้วยการใช้คำหยาบคายโจมตี ให้ร้าย พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ว่าเป็นตัวการที่ทำให้ชาติไทยไม่พัฒนา ถดถอย และเล่นพรรคพวก
การโฆษณาชวนเชื่อที่นักการเมืองใช้เหล่านั้น ยังคงใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
แต่ถ้าเราได้ศึกษาประวัติศาสตร์อย่างจริงจัง จะพบว่า ผู้ที่เป็นเจ้า ทุกพระองค์มีเกียรติ และรักษาเกียรติยิ่งชีพ ไม่มีใครยอมทำให้ตนเองและราชวงศ์เสื่อมเสียพระเกียรติ ด้วยการคดโกง คอรัปชั่น
คำเล่าลือที่ว่าเจ้า ร่ำรวยล้นฟ้า อยู่ดีกินดี เหมือนเทวดา เหล่านั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
เพราะเจ้า ทำงานหนักเพื่อความผาสุกของประชาราษฏร์ ทรัพย์สมบัติที่ว่า ก็ไม่เคยยักยอกเอามาเป็นของตนเอง
ถ้ายังไม่เชื่อ กรุณาอ่านหนึ่งในตัวอย่างของชีวิตผู้ที่เป็นเจ้า ที่รับราชการ รับใช้ชาติ
แล้วท่านจะรู้ว่า เมื่อเจ้า บริหารราชการแผ่นดิน ต่างกับนักการเมืองที่เข้ามาบริหารแผ่นดินยังไง?
………………………………………………………………….
“พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน”
พระองค์เรียนจบด้านโยธาธิการที่โรงเรียนแฮร์โรว์ ประเทศอังกฤษ และศึกษาต่อวิชาวิศวกรรมที่ทรินิทีคอลเลจ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และวิชาทหารช่างที่ แชทแฮม จากนั้นศึกษาเพิ่มเติมในประเทศฝรั่งเศส ทรงศึกษาการทำทำนบและขุดคลอง ในประเทศเนเธอร์แลนด์ และเสด็จกลับมาทรงงานและศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ จนได้เป็นสมาชิก M.I.C.E. (Member of the Institution of Civil Engineer) (เทียบเท่า วิศวกรรมสถาน)
พระองค์ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม และทำการในตำแหน่งผู้บัญชาการรถไฟหลวง
ทรงบุกเบิกพัฒนากิจการต่างๆ ของกรมรถไฟหลวง ขยายเส้นทางเดินรถไฟสายเหนือและสายใต้เข้าด้วยกัน สายตะวันออกเฉียงเหนือทรงสร้างทางรถไฟจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี สายตะวันออกจากฉะเชิงเทราถึงอรัญประเทศ
พระองค์ได้ทรงสั่งซื้อรถจักรดีเซล จำนวน 2 คัน จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งถือว่าประเทศไทยนำรถจักรดีเซลเข้ามาใช้งานเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชีย
รวมทั้งทรงรับผิดชอบงานสร้างถนนและสะพานทั่วประเทศ เช่น สะพานพุทธ สะพานพระราม 6 และสะพานกษัตริย์ศึก เป็นสะพานลอยข้ามทางรถไฟแห่งแรก
รวมทั้งเป็นผู้ริเริ่มนำเอาเครื่องเจาะมาทำการเจาะสำรวจหาน้ำมันดิบ ในเมืองไทยด้วย
ทรงเป็นคนแรกที่เปิดการกิจการส่งวิทยุกระจายเสียงเป็นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2473 ใช้ชื่อสถานีว่า “สถานีวิทยุกรุงเทพฯ ที่พญาไท”
และทรงเตรียมจะทำการกระจายภาพและเสียงทางโทรทัศน์ด้วย แต่เกิดปฏิวัติ 2475 เสียก่อนจึงถูกล้มเลิก
และต้องลี้ภัยทางการเมืองไปจบชีวิตที่สิงคโปร์
ผู้ที่สร้างคุณูปการให้กับไทยหลายพระองค์ ต้องหนีไปตายในต่างแดน เพราะอะไรคงทราบกันดี
ต่อไปนี้เป็นบทความที่เขียนโดย ม.ร.ว.ปิยฉัตร ฉัตรชัย ทายาทของพระองค์
………………………………………………………………….
” ปู่ฉันตายวันนี้ ”
โดย : ม.ร.ว.ปิยฉัตร ฉัตรชัย (Piyachatra Chatrajaya)
ปู่ฉันชื่อ “บุรฉัตร” ฉันว่าชื่อปู่เท่ดีจนมีคนเอาไปทำตราติดบนรถไฟดีเซลของเมืองไทยทุกคัน ฉันไม่เคยเจอปู่เพราะปู่ตายก่อนฉันเกิดนานมาก ความจริงปู่ตายตั้งแต่พ่อยังเป็นเด็กอยู่ด้วยซ้ำไป
แต่ “มรดก” ของปู่ยังมีให้เห็นเต็มไปหมดในเมืองไทย รถไฟก็ใช่ สายการบินก็ใช่ โรงแรมเก๋ๆ ที่หัวหินก็ใช่ วิทยุกระจายเสียงก็ใช่ ทหารสื่อสารก็ใช่ ฯลฯ
ปู่ทำอะไรดีๆ ไว้มากมาย ปู่ดูแลจัดการกองกรมกระทรวงเยอะแยะไปหมด ยกเว้นกรมเดียวที่ปู่จัดการไม่ได้คือ “กรมข่าวลือ”
ตอนที่ปู่ยังมีงานทำ เขาก็ลือให้ลั่นว่าปู่ร่ำรวย มีที่ดินมหาศาล เวลาตัดรถไฟไปทางไหน เขาก็ว่า “นั่นว่าประไร ต้องได้ที่ดินอีกอื้อเป็นแท้”
ปู่คงคิดเหมือนที่คุณชายคึกฤทธิ์ (หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช) ท่านว่าไว้คือไม่สนใจ คิดว่าคำพวกนั้นเป็นเสมือน ‘หมาเยี่ยวรดภูเขาทอง’ (ใครคิดว่าหยาบคาย เชิญติดต่อคุณชายคึกฤทธิ์เอาตามสะดวก)
………………………………………………………………….
จนเมื่อปู่หมดอำนาจนั่นแล ถึงได้รู้ว่าปู่ไม่ได้มีอะไรเลย ที่ดินที่ “ว่ากันว่า” เป็นของปู่ ที่แท้ปู่กันไว้ให้สำหรับการรถไฟทั้งนั้น
………………………………………………………………….
รวมทั้งที่ดินใกล้ๆ สวนจตุจักรที่กลายเป็นศูนย์การค้านั่นด้วย การรถไฟฯ มีที่ดินมากมายจากที่ปู่จัดการไว้ให้ ถ้าบริหารดีๆ การรถไฟฯ น่าจะเป็นรัฐวิสาหกิจที่ร่ำรวยและเอื้อประโยชน์ให้กับประชาชนได้ดีกว่านี้
สมัยที่ปู่ทำงานรถไฟ ชาวยุโรปเคยมานั่งรถไฟของไทยและเอ่ยปากชมไว้ในหนังสือของตัวเอง (ไม่ได้ชมกับปู่) ว่ารถไฟของไทยวิเศษจริงๆ และดีกว่ารถไฟที่อังกฤษทำไว้ใช้ในมลายูเสียอีก
ปู่เป็นคนรุ่นแรกๆ ที่ไปพัฒนาหัวหินจนกลายเป็นที่ตากอากาศชื่อดังตั้งแต่ก่อนยุคปริศนาจนถึงปรัตยุบัน ปู่สร้างโรงแรม ตัดทางรถไฟ สร้างตลาด สร้างสนามกอล์ฟ
ปู่สร้างของเหล่านี้ไว้ให้คนอื่นไปพัก – ไปใช้ แต่ปู่กลับไม่มีที่ดินในหัวหินเลยสักผืนเดียว
………………………………………………………………….
ถ้าเป็น “นักกินเมืองสมัยนี้” ฉันว่าคงไม่เหลือรอดแม้เพียงครึ่งวา
………………………………………………………………….
มีคนยกย่องปู่เป็นบิดาเรื่องโน้นนี่ ตั้งอนุสาวรีย์ไว้กราบไว้และขอหวย แต่ไม่มีใครทำตามปู่เรื่องความซื่อสัตย์เลย ปู่เป็นคนรักชาติและภักดีกับพระมหากษัตริย์อย่างสุดชีวิต
วันที่เขา “ปลดเจ้า” เช้าวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ปู่แอบหนีออกจากกรุงเทพฯ ขับรถไฟหลบหลีกขบวนการปฏิวัติไปหัวหินเพื่อกราบบังคมทูลให้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงทราบถึงเหตุการณ์ในกรุงเทพฯ
เพราะไอโฟนหรือ Blackberry มันยังไม่มีในสมัยนั้น ทั้งๆ ที่ถ้าเขาจับปู่ได้ระหว่างทาง ปู่คงได้นอนหลับตลอดกาลบนรถไฟที่ปู่รักนั่นเอง
เมื่อเขาเปลี่ยน “เจ้า” ให้เป็น “เจว็ด” ริบงานการทุกอย่างที่ปู่เคยทำ ปู่เลยย้ายไปทำงานที่สิงคโปร์
วันที่ปู่ตาย เขาหามปู่ออกจากบ้าน ปู่มองไปบนเพดานแล้วปู่ก็บอกว่าเห็นกระบวนแห่ริ้วฉัตรสะบัดไสวสวยงามตระการตา คงมีคนดีๆ มารับปู่ไปอยู่ด้วยให้สมกับความดีที่ปู่เคยทำถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ รัชกาลที่ ๖ และรัชกาลที่ ๗ ด้วยความจงรักภักดี ตลอดจนประโยชน์นานัปการที่สร้างไว้ให้กับแผ่นดินไทย
ปู่เริ่มต้นลมหายใจแรกที่เมืองไทย และฝากลมหายใจสุดท้ายเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ.๒๔๗๙ ที่สิงคโปร์ ปู่ได้กลับเมืองไทยที่ปู่รักอีกครั้งกับร่างไร้วิญญาณด้วยวัยเพียง ๕๕ ปี
………………………………………………………………….
อัษฎางค์ ยมนาค
รวบรวม
(พระรูปลงสีโดย นักเรียนเก่า มว.๔๑๙๖๔)