Eng’s Diary
สนทนาประสาพ่อลูก
ตอน Be yourself, Trust yourself
หลายวันก่อนนั่งคุยกันเล่นๆ อยู่ๆน้องอิงก็เล่าเรื่องสมัยที่กำลังจะเข้าเรียน High School ขึ้นมา เป็นเรื่องที่น้องอิงไม่เคยบอกและพ่อก็ไม่เคยรู้ ว่าเด็กป.6 จะคิดอะไรแบบนี้ด้วย
โรงเรียนมัธยม ที่ออสเตรเลียจะเรียกว่า High school ถึงแม้ว่าบางโรงเรียนใช้ชื่อว่า High school แต่บางแห่งก็ใช้ว่า Secondary school
น้องอิงเล่าว่าช่วงป.6 ได้ดูหนังละครของอเมริกาที่เป็นเรื่องเป็นราวของเด็กไฮสคูล ที่มักมีเด็กเกเรคอยแกล้งเพื่อนๆ รวมทั้งการที่ตัวละครหลักในเรื่องไม่เป็นที่ยอมรับและไม่ได้รับการต้อนรับจากเพื่อนๆ อยู่ในหนังแทบทุกเรื่อง ทำให้เกิดจินตนาการไปเองว่าตัวเองที่กำลังจะเข้าโรงเรียนไฮสคูล คงต้องเจอแบบนั้นแน่ๆ
ซึ่งเอาจริงๆตอนนั้นพ่อก็มีจินตนาการใกล้เคียงกับลูก และก็แอบกังวลแทนลูก เพราะพ่อก็ดูหนังวัยรุ่นของพวกอเมริกันเหมือนกัน เพียงแต่พ่อไม่เคยรู้ว่าลูกคิดกังวลกับเรื่องนี้เหมือนกัน
ผลที่ตามมาคือพอน้องอิงเริ่มเรียนในโรงเรียนไฮสคูล ก็เกิดอาการเกร็ง และพยายามคิดว่าจะต้องทำตัวยังไง แต่งตัวยังไง พูดจายังไง ต่างๆนาๆ เพื่อให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆ ของสังคม
และน้องอิงก็เป็นแบบนั้นอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะเรียนรู้และพบว่า จริงๆ แล้ว เราควรจะเป็นตัวของเราดีที่สุด
ไม่ว่าเราเป็นคนยังไง คิดยังไง ชอบอะไรแบบไหน แต่งตัวแบบไหน พูดจายังไง ก็ทำไปตามธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง ดีที่สุด ถ้าใครจะชอบเรา ก็ให้เขาชอบเพราะเราเป็นเราแบบนี้
หลังจากน้องอิงคิดได้ ก็มีความสุขกับชีวิตเด็กไฮสคูล และมีกลุ่มเพื่อนที่ชอบอะไรคล้ายๆ กัน
ที่สำคัญเรื่องเด็ดอันธพาลในโรงเรียนที่เคยดูมาจากหนังของอเมริกานั้นไม่ได้มีจริงในโรงเรียนไฮสคูลของน้องอิงเลย จริงๆ อาจจะพูดได้ว่าทุกโรงเรียนก็คงจะมีเด็กเกเรอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่อย่างในหนังอเมริกัน
เช่น มีเพื่อนสนิทของนัองอิงที่เป็นเด็กเรียนและเด็กเอเชียเหมือนกัน ที่สมัยเรียนปีแรก เคยโดนเด็กที่เกเรแกล้งบ่อยครั้ง บางครั้งเอากระเป๋าโยนลงมาจากตึก จนแม่พาไปเรียนคาราเต้เลย
แต่น้องอิงไม่เคยมีใครแกล้งเลย พ่อเลยเสริมว่า ใครจะกล้ามาแกล้งน้องอิง น้องอิงตัวโต ตัวสูงใหญ่ขนาดนั้นมาตั้งแต่เข้าเรียนแล้ว
บางทีหนังละครที่สร้างเพื่อความบันเทิงก็มีอิทธิพลมหาศาลกับความเข้าใจของผู้คนจริงๆ
เดือนหน้านี้น้องอิงกำลังจะขึ้น Year 12 หรือว่า ม.6 ซึ่งจะเป็นปีสุดท้ายแล้ว และน้องอิงก็มีความสุขกับชีวิตเด็กไฮสคูล เพราะค้นพบแล้วว่า ต้องคิดยังไงและต้องทำตัวอย่างไร
“Be yourself, Trust yourself”