อาถรรพ์พระแก้ว-พระบาง
อาถรรพ์ความพินาศจากล้านช้างสู่ธนบุรี
ตอนที่ 1 ประวัติพระแก้ว-พระบาง
…………………………..………………………………………..
“พระแก้วมรกต”
ตามประวัติศาสตร์ที่ได้มีการบันทึกหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรที่ตรงกันระบุว่าพบ”พระแก้วมรกต”ครั้งแรก ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์วัดป่าญะ ตำบลเวียง เมืองเชียงราย (ปัจจุบันคือวัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย)
โดยพระแก้วมรกตถูกโบกปูนปิดทับองค์พระไว้อย่างมิดชิด แต่ไม่มีใครรู้ว่าพระแก้วมรกตถูกสร้างและถูกโบกปูนปิดทับเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่และนานแค่ไหน
หลังจากนั้น พระเจ้าสามฝั่งแกนแห่งเชียงใหม่ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้ จึงเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ แต่ระหว่างทางช้างทรงพระแก้วมรกตกลับไม่เดินทางเข้าไปทางเชียงใหม่ แต่เลี้ยวไปทางลำปางถึง 3 ครั้ง พระเจ้าสามฝั่งแกนแห่งเชียงใหม่ก็ทรงเชื่อว่า ผีที่คอยปกปักรักษาพระแก้วมรกตคงไม่อยากมาอยู่เชียงใหม่ จึงโปรดให้นำไปประดิษฐานไว้ที่วัดพระแก้วดอนเต้า เมืองลำปาง
ผ่านไปอีก 32 ปี ถึงสมัยพระเจ้าติโลกราช ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่มีบุญบารมีมาก ได้เชิญพระแก้วมรกตมายังเชียงใหม่ได้สำเร็จ และประดิษฐานอยู่ที่เชียงใหม่ 84 ปี
ต่อมาประมาณปี พ.ศ.2087 เมืองเชียงใหม่เกิดขาดรัชทายาทที่จะเป็นกษัตริย์ จึงได้ไปทูลเชิญพระไชยเชษฐาซึ่งเพิ่งจะมีพระชนมพรรษาเพียง 16 จากล้านช้าง ซึ่งมีพระราชบิดาเป็นพระเจ้าแผ่นดินล้านช้าง และมีพระราชมารดาเป็นเจ้าหญิงล้านนา มาครองเมืองเชียงใหม่
พระเจ้าไชยเชษฐาครองเชียงใหม่ได้เพียงปีเดียว พระราชบิดาที่ครองล้านช้างก็สวรรคต จึงเสด็จกลับไปครองเมืองล้านช้างดังเดิม ในการณ์นั้นเมื่อเสด็จเสด็จกลับหลวงพระบาง ก็อัญเชิญพระแก้วมรกตไปด้วยพร้อมกับพระพุทธสิหิงค์
ต่อมาทางเชียงใหม่ขอคืน แต่พระเจ้าไชยเชษฐาไม่คืนพระแก้วมรกตให้ คืนให้แต่พระพุทธสิหิงค์เท่านั้นพระแก้วมรกตจึงได้ประดิษฐานอยู่ที่หลวงพระบาง 12 ปี
ต่อมาพม่าบุกมาตีกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าไชยเชษฐากลัวพม่าจะตามมาตีล้านช้าง จึงหนีออกจากหลวงพระบาง ไปสร้างเมืองใหม่ ซึ่งต่อมาได้ชื่อว่า เมืองเวียงจันทน์ แล้วก็ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตลงมาด้วย โดยพระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ที่เวียงจันทร์ต่อมาอีก 215 ปี
…………………………..………………………………………..
“พระบาง”
“พระแก้วมรกต”เดิมประดิษฐานอยู่ที่ล้านนา ส่วน”พระบาง”ก็เป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในของอาณาจักรเขมรโบราณ
จนเมื่อ พ.ศ. 1902 พระเจ้าฟ้างุ้มกษัตริย์แห่งล้านช้างซึ่งมีความเกี่ยวพันทางเครือญาติกับกษัตริย์เขมร ได้ทูลขอพระบางเพื่อมาประดิษฐานในอาณาจักรล้านช้างในขณะนั้น
โดยเมื่อเดินทางไปถึงเมืองเวียงคำ ก็เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นจนไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ พระบางจึงได้ประดิษฐานอยู่ที่เมืองนี้
ต่อมาได้มีการอัญเชิญพระบางขึ้นไปประดิษฐานไว้ที่วัดวิชุลราชในนครเชียงทอง ในปี พ.ศ. 2055 ในสมัยของพระเจ้าวิชุลราช ทำให้เมืองเชียงทองถูกเรียกว่า “เมืองหลวงพระบาง” มาจนถึงปัจจุบัน
…………………………..………………………………………..
“สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก อัญเชิญพระแก้วและพระบางมากรุงธนบุรี”
เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นเมืองหลวง พระองค์ได้ทรงส่งสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ซึ่งในเวลาต่อมาก็คือ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก) ไปตีล้านช้าง
เมื่อล้านช้างแตกก็ทรงอัญเชิญพระแก้วมรกตและพระบาง ลงมาที่กรุงธนบุรี โดยประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม เมื่อปี พ.ศ. 2322
แต่ในสมัยกรุงธนบุรียังไม่มีใครทราบเรื่องผีอารักษ์ หรือเทพอารักษ์ประจำของพระแก้วมรกตและพระบางที่ไม่ถูกใจกัน
ซึ่งไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่พระแก้วมรกตและพระบางมาอยู่ในเมืองเดียวกัน จะต้องมีเหตุเป็นไปทุกครั้ง
แล้วในที่สุดพระเจ้ากรุงธนบุรีก็มีอันเป็นไปจริงๆ โดยพระเจ้าตากสินเกิดเสียพระสติ จนทำให้เกิดเหตุจลาจลที่นำไปสู่การก่อกบฏพระยาสรรค์
ไม่ใช่เรื่อง รัชกาลที่ 1 หักหลังก่อการปฏิวัติยึดอำนาจจากพระเจ้าตากสิน อย่างที่ถูกบิดเบือนแต่อย่างใด
เรื่องราวอาถรรพ์คู่อริเทพารักษ์ของพระแก้ว-พระบาง ที่ทำให้พระเจ้าตากสินและกรุงธนบุรีต้องจบลงในเวลาอันรวดเร็วจะเป็นอย่างไร
โปรดติดตามตอนต่อไป
อัษฎางค์ ยมนาค