ยกเลิก 112 จะทำให้ไทยเป็นประชาธิปไตย จริงหรือ?
ตอนที่ 1 : Constitutional Monarchy
การปกครองที่พระราชาและประชาชนร่วมกันปกครอง
………………………………………………………………..
ประเทศไทยปกครองในระบอบ Constitutional Monarchy ตามแบบอังกฤษ แต่คณะราษฎร์มาสร้างคำในภาษาไทยว่า “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข”
ความจริง Constitutional Monarchy คือ ราชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญ หรือ ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
Monarchy มาจากคำว่า Mono ซึ่งแปลว่า หนึ่งเดียว และคำว่า arch ซึ่งแปลว่า เป็นใหญ่ เมื่อนำคำว่า Mono รวมกับ arch จึงแปลว่า เป็นใหญ่คนเดียว ซึ่งผู้ที่เป็นใหญ่ที่สุดคนเดียวในแผ่นดินย่อมหมายถึงพระมหากษัตริย์ ดังนั้นการปกครองที่พระมหากษัตริย์เป็นใหญ่ก็คือ Monarchy หรือ ราชาธิปไตย นั้นเอง
ย้อนไปในสมัยโบราณตั้งแต่ยุคดั้งเดิม ทุกประเทศในโลกล้วนปกครองแบบ Absolute monarchy หรือ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งมีพระเจ้าแผ่นดินเป็นใหญ่โดยสมบูรณ์ ดังนั้นคำสั่งของพระมหากษัตริย์ก็คือกฏหมาย
ต่อมาเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป พระมหากษัตริย์ก็ยอมสละพระราชอำนาจที่ทรงมีอยู่นั้นให้กับประชาชน จาก Absolute monarchy หรือ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ จึงกลายเป็น Constitutional Monarchy
………………………………………………………………..
Constitutional แปลว่า รัฐธรรมนูญ
Constitutional Monarchy ก็คือ ราชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญ หรือ ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญ มาจากไหน?
รัฐธรรมนูญมาจากประชาชน เราจึงเรียกว่า “ประชาธิปไตย”
คำว่า “ธิปไตย” มาจากคำว่า “อธิปไตย” ซึ่งแปลว่า “ความเป็นใหญ่ หรือ อํานาจสูงสุดของรัฐที่จะใช้บังคับบัญชาภายในอาณาเขตของตน”
ประชาธิปไตย คือ การปกครองที่มีประชาชนเป็นใหญ่
ราชาธิปไตย คือ การปกครองที่มีพระราชาเป็นใหญ่
ดังนั้น Constitutional Monarchy คือ พระราชาและประชาชนมีอำนาจปกครองร่วมกัน
โดยพระมหากษัตริย์ ซึ่งเดิมมีอำนาจอย่างสมบูรณ์เพียงพระองค์เดียว ยอมให้ประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ แล้วพระมหากษัตริย์ ก็ยอมอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า พระมหากษัตริย์หมดอำนาจในการปกครอง ทรงยังมีอำนาจการปกครอง เพียงแต่อำนาจการปกครองนั้น อยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ ที่ประชาชนร่วมกันร่างขึ้นมา
………………………………………………………………..
เห็นความแตกต่างแล้วใช่ไหม?
Absolute monarchy หรือ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ มีพระมหากษัตริย์เป็นใหญ่ในปกครองเพียงผู้เดียว
Constitutional Monarchy คือ พระราชาและประชาชนรวมกันปกครอง
โดยทั้งพระราชาและประชาชนอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน เป็นรัฐธรรมนูญที่ประชาชนร่วมกันร่างขึ้นมา
………………………………………………………………..
มีอาจารย์ นักวิชาการ นักการเมือง นักรัฐศาสตร์ นักกฏหมาย ระดับปริญญาเอกมากมาย ออกมาเรียกร้องให้จำกัดพระราชอำนาจ เช่นห้ามพระมหากษัตริย์ทำสิ่งนู้นสิ่งนี้ ไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นเรียนจบรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์หรือปริญญาดุษฎีกันมาได้อย่างไร เพราะ Constitutional Monarchy คือ การปกครองที่มีพระราชาและประชาชนร่วมกันปกครอง
หรือไม่ก็เพราะคนเหล่านั้นต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะการที่ไม่ให้พระมหากษัตริย์มีพระราชอำนาจในการปกครอง มีทางเดียวคือ ต้องไม่มีพระมหากษัตริย์
หรือว่าเขาเหล่านั้น ไม่ต้องการ Constitutional Monarchy แต่ต้องการ Republic
ที่เขาพูดกันอยู่เสมอว่า พวกเขาเป็นฝ่ายประชาธิปไตย “โดยไม่มีคำว่า อันมีพระมหากษัตริย์ต่อท้าย” เพราะพวกเขากำลังส่งสัญญาณว่า พวกเขาต้องการประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ ที่ไม่มีพระมหากษัตริย์อีกต่อไป แต่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข ใช่หรือไม่?
แต่เขาเหล่านั้นไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ เนื่องจากถ้าพูดออกมาตรงๆ ก็จะกลายเป็น การล้มล้างการปกครอง ซึ่งมีโทษเป็นกบฏ
พวกเขาจึงเลี่ยงบาลี และเลี่ยงไปหลอกใช้เยาวชนและประชาชน ให้ออกหน้า ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย โดยไม่มีคำว่า “โดยไม่มีคำว่า อันมีพระมหากษัตริย์ต่อท้าย” เป็นการเลี่ยงบาลีว่าเมืองไทยไม่มีประชาธิปไตย ทั้งที่พรรคการเมืองที่สนับสนุนกิจกรรมเหล่านั้นก็ผ่านการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยทุกประการ
ดังนั้นการต่อสู้ในปัจจุบัน คือการต่อสู้ของคน 2 กลุ่ม คือ
ฝ่ายประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
กับ ฝ่ายประชาธิปไตย (ที่ไม่กล้าออกปากว่า ไม่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข)
Constitutional Monarchy หรือ ราชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญ คือ การปกครองที่พระราชาและประชาชนร่วมกันปกครอง
โดยทั้งพระราชาและประชาชนอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน ซึ่งรัฐธรรมนูญนั้นประชาชนร่วมกันร่างขึ้นมาให้พระมหากษัตริย์ มีพระราชอำนาจเต็มในการตักเตือน ยับยั้ง หรือ ให้การสนับสนุน แนะนำและให้กำลังใจ
พระมหากษัตริย์ มิใช่ผู้มีอำนาจในการร่างรัฐธรรมนูญ แต่ทรงมีสิทธิ์ในการตักเตือน ยับยั้ง หรือ ให้การสนับสนุน แนะนำ ในการร่างรัฐธรรมนูญและการบริหารราชแผ่นดิน ซึ่งสิทธิ์นั้นเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
อย่าลืมว่า อำนาจการปกครองนั้น เดิมเป็นของพระมหากษัตริย์แต่เพียงผู้เดียวอย่างสมบูรณ์ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป พระมหากษัตริย์ก็ยินดีที่จะมอบพระราชอำนาจในการปกครองนั้นให้กับประชาชนได้มีส่วนร่วมในการปกครองบ้านเมือง
ถึงเวลานี้ ประชาชนคิดจะฮุบเอาอำนาจการปกครองทั้งหมดไปเป็นของตนเองเพียงฝ่ายเดียวอย่างนั้นหรือ
………………………………………………………………..
คุณไม่ไว้ใจพระมหากษัตริย์ แต่คุณไว้ใจนักการเมืองหรือ?
จากประสบการณ์ที่ผ่านมากว่า 90 ปี คุณไม่เคยศึกษาหรือว่า การพัฒนาประเทศไม่ก้าวหน้าอย่างที่เป็น เพราะนักการเมืองคอรัปชั่น
เกิดรัฐประหารบ่อยครั้ง ก็เพราะนักการเมืองคอรัปชั่น
สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค สิทธิมนุษยชนหรือประชาธิปไตยลุ่มๆ ดอนๆ นั้น ก็มาจากฝีมือการบริหารราชการแผ่นดินและการเล่นการเมืมองของนักการเมืองที่คอรัปชั่น ด้วยการเห็นประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องเป็นใหญ่เท่านั้น
จะปฏิรูปประเทศไทย ต้องปฏิรูปนักการเมืองและการศึกษาของประชาชน
ไม่ใช่ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะพระมหากษัตริย์ปกครองประเทศตามข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญที่ประชาชนเป็นคนกำหนด
ซึ่งพระราชอำนาจในการปกครองของพระมหากษัตริย์นั้นมีอยู่อย่างจำกัด แต่อำนาจการปกครองส่วนใหญ่อยู่ในมือนักการเมือง
ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปฏิรูปประเทศไทย
แต่เป็นการปฏิรูปนักการเมืองและการศึกษาของประชาชน