”ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่เรายังเป็นเราตลอดไป“
มีพี่ๆ ที่ได้อ่านโพสต์ที่ผมคุยกับลูก สอนลูกให้รักและเข้าใจแม่ แล้วแสดงความชื่นชมมา วันนี้ก็มีพี่อีกท่านก็ชื่นชมมาอีก ผมตอบกลับไปแบบนี้ เลยอยากเอามาเผยแพร่ที่นี่ เผื่อเป็นประโยชน์ หรือเป็นกำลังใจ หรือแรงบันดาลใจให้กับใครไปได้บ้าง
ผมว่า พ่อแม่ สามีภรรยา อาจขัดแย้งกัน โกรธกัน แต่ลูกไม่เกี่ยว ไม่ควรสอนลูกหรือพูดกรอกหูลูกว่า พ่อหรือแม่ไม่ดี
สำหรับผม ต้องสอนให้ลูกรักแม่มากๆ เพราะแม่รักลูกมาก อันนี้ผมย้ำเสมอ
ซึ่งไม่ว่า ใครจะเป็นพ่อหรือแม่ จะทำตรงกันข้ามกับที่ผมทำ เช่น พ่อตำหนิแม่ แม่ตำหนิพ่อกับลูกเสมอ แล้วถ้าเราเป็นฝ่ายที่โดนเขาตำหนิหรือนินทาว่าร้ายเรากับลูกเสมอ ผมก็อยากบอกว่า เราไม่ต้องคิดอะไร ให้คิดว่าไม่เป็นไร
อย่างผมจะยึดถือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า
”เราหยุดแล้ว ท่านหยุดหรือยัง“
ซึ่งผมตีความว่า “ใครคิดได้ก่อนก็หยุด”
ใครหยุดได้ ก็เป็นบุญของคนนั้น
ผมสอนให้ลูกรักแม่ ลูกก็ได้บุญ
เราเป็นพ่อย่อมยินดีที่ลูก คิดดี ทำดี และจะได้เป็นคนดี
ส่วนใครจะนินทาว่าร้ายเรา ไม่ว่าจะเป็นแม่ของลูก หรือพ่อของลูก หรือญาติพี่น้อง พรรคพวกเพื่อนพ้องของเขาจะว่าเรายังไง ก็ช่าง
แต่เราก็ยังคงเป็นตัวเรา ทองยังไงก็เป็นทอง (อันนี้เปรียบเทียบให้เห็นภาพ แต่ไม่คิดขนาดว่าตัวเองเป็นทองอะไร)
ลูกจะเห็นเอง หรือใครๆ ก็จะเห็นเอง หรือสุดท้ายตัวพ่อหรือแม่ของลูกที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับเราก็จะเห็นเองสักวัน
ถ้าวันหนึ่งเขาเห็นความดีของเรา หรือเห็นความตั้งใจดีของเรา ก็ถือเป็นบุญของเราและของเขา
แต่ถ้าเขาไม่เห็นความตั้งใจดีของเราเลย ก็ให้ถือว่า เป็นกรรมของทั้งเราและเขา เราอาจเคยทำกรรมไว้กับเขาไว้มากเมื่อชาติปางก่อน เขาถึงไม่เห็นความตั้งใจดีของเรา ก็ถือว่าเราก็ชดใช้กรรมนั้นไป และอาจเป็นได้ว่าเขากลับสร้างกรรมเพิ่ม แต่เราต้องหยุดสร้างกรรมต่อ อย่าไปอาฆาตเขา กรรมเวรนั้นจะได้จบลงในชาตินี้ ไม่ต้องจองเวรกันต่อไป
ผมชอบการทำความดีเข้าสู้
ไม่สู้ด้วยวิธีสกปรกหรือใช้วิธีที่ต้องทำบาป
จะแพ้หรือชนะไม่เป็นไร แต่ต้องไม่ทำบาป ไม่สร้างกรรมเพิ่ม กรรมเก่าของมนุษย์เราก็เยอะอยู่แล้ว
ที่เล่ามาหรือแนะนำมานี้ ไม่ได้พยายามจะเป็นคนดีอะไร แค่เป็นตัวของตัวเอง ผมทำได้อย่างที่ตัวเองเป็นเท่านั้น ไม่ได้วิเศษกว่าใคร
การที่เราสอนลูกแล้วเขาเป็นคนดีของพ่อแม่ได้ เป็นคนดีของครอบครัวได้ ก็จะเป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติได้ในที่สุด นั่นคือการประสบความสำเร็จในการเลี้ยงดูลูก ในฐานะของคนเป็นพ่อ นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จในฐานะพลเมืองของประเทศชาติอีกด้วย
ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ทำดีโดยไม่ต้องรอให้ใครเห็นหรือเข้าใจ แต่ยึดมั่นในการเดินบนเส้นทางแห่งความดีอย่างมั่นคงตลอดไป โดยไม่ต้องคาดหวังผลตอบรับใดๆ ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ความพอใจในความเพียงพอ ซึ่งจะนำความสงบสุขมาสู่ในจิตใจ อันถือเป็นที่สุดของชีวิตอย่างแท้จริง
พ่อเอ็ด ลูกอิง
อัษฎางค์ ยมนาค