ทำไมต้องมี ม.112 เพราะการยกเลิก ม.112 จะทำให้เกิดกระทบกระเทือนต่อการอยู่เหนือการเมืองและความเป็นกลางของสถาบันพระมหากษัตริย์
แต่เดิมไทยเราปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งมีพระเจ้าแผ่นดินเป็นใหญ่โดยสมบูรณ์ ที่เรียกว่า Absolute monarchy
ต่อมาเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป พระมหากษัตริย์ก็ยอมสละพระราชอำนาจที่ทรงมีอยู่นั้นให้กับประชาชน
Absolute monarchy หรือ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ จึงกลายเป็น Constitutional Monarchy
Constitutional แปลว่า รัฐธรรมนูญ
Constitutional Monarchy ก็คือ ราชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญ หรือ ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ หรือในภาษาไทยที่คณะราษฏรบัญญัติขึ้นว่า “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข”
Constitutional Monarchy หรือ “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” คือ การปกครองที่มีพระมหากษัตริย์และประชาชนมีอำนาจปกครองร่วมกัน
“เป็นการปกครองที่ประชาชนเป็นผู้มีอำนาจอธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข”
…………………………………………………………
”ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข“ ไม่ได้หมายความว่า พระมหากษัตริย์หมดอำนาจในการปกครอง”
“พระมหากษัตริย์ยังทรงมีอำนาจการปกครอง เพียงแต่อำนาจการปกครองนั้น อยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ ที่ประชาชนร่วมกันร่างขึ้นมาให้พระมหากษัตริย์ มีพระราชอำนาจเต็มในการตักเตือน ยับยั้ง หรือ ให้การสนับสนุน แนะนำและให้กำลังใจ“
”พระราชอำนาจในการปกครองของพระมหากษัตริย์นั้นมีอยู่อย่างจำกัด แต่อำนาจการปกครองส่วนใหญ่อยู่ในมือนักการเมือง“
”การทุจริตคอรัปชั่นในการบริหารราชการแผ่นดินล้วนเกิดจากฝีมือของนักการเมือง มิใช่สถาบันพระมหากษัตริย์“
”แต่นักการเมืองกลับโยนบาปนั้นให้สถาบันพระมหากษัตริย์“
จึงเป็นความชอบธรรมที่ต้องมีกฎหมายคุ้มครองมิให้มีการละเมิดพระมหากษัตริย์ในฐานะที่ทรงเป็นพระประมุขของรัฐ และสถาบันหลักของประเทศตามที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองและคุ้มครองไว้
…………………………………………………………
ซึ่งกฎหมายที่คุ้มครองมิให้มีการละเมิดพระมหากษัตริย์ในฐานะที่ทรงเป็นพระประมุขของรัฐ อยู่ในรัฐธรรมนูญ หมวด ๒ พระมหากษัตริย์
มาตรา ๖ บัญญัติว่า
องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้
มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า “ห้ามหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย สถาบันพระมหากษัตริย์”
…………………………………………………………
พรรคก้าวไกลและผู้สนับสนุนอ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพ
แต่รู้หรือไม่ว่าสิทธิเสรีภาพคืออะไร
คำว่าสิทธิหมายถึง อำนาจที่ได้รับการคุ้มครองมิให้บุคคลใดละเมิดสิทธิของตนเองและผู้อื่น
ส่วนคำว่าเสรีภาพ หมายถึง เป็นสภาวะของมนุษย์ที่เป็นอิสระในการกำหนดว่าตนเองจะกระทำการอันใด
แต่ทั้งนี้เสรีภาพจะต้องไม่ขัดต่อความสงบ เรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นด้วย
การใช้สิทธิเสรีภาพนั้น
(1) ต้องไม่กระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของชาติ
(2) ต้องไม่กระทบต่อความสงบเรียบร้อย
(3) ต้องไม่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น
มาตรา 112 คือกฎหมายปกครองสิทธิส่วนบุคคลประเภทหนึ่ง ที่คุ้มครองสิทธิ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งประชาชนก็มีกฎหมายคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลเช่นกัน
แต่ที่ต่างกันมีเพียงว่ามาตรา 112 อยู่ในลักษณะหนึ่งความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐแห่งราชอาณาจักร
เนื่องจากต้องคุ้มครองทั้งความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และเกียรติยศประมุขของรัฐ เพราะพระมหากษัตริย์ ประเทศไทย หรือชาติไทยดำรงอยู่คู่กันเป็นเนื้อเดียวกัน และธำรงความเป็นปึกแผ่นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในประเทศ
การกระทำความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเป็นการกระทำความผิดต่อความมั่นคงของประเทศด้วย
…………………………………………………………
ดังนั้น การรณรงค์หาเสียงของพรรคก้าวไกลและกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เกิดการแก้ไขหรือยกเลิก มาตรา 112 เป็นความพยายามสั่นคลอน บั่นทอนและบ่อนทำลาย ระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
สาระสำคัญซึ่งเป็นหลักการขั้นพื้นฐานของระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทยนั้น
“พระมหากษัตริย์พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง ดำรงฐานะอยู่เหนือการเมือง และทรงดำรงไว้ซึ่งความเป็นกลางทางการเมือง”
”โดยไม่เข้าไปมีบทบาทเป็นฝักฝ่ายต่อสู้แข่งขันรณรงค์ทางการเมือง“
ดังนั้น มาตรา 112 นอกจากจะคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ยังป้องกันการถูกการเมืองนำสถาบันพระมหากษัตริย์ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เช่น นำไปรณรงค์หาเสียง ทำให้บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์กลับเป็นฝักฝ่ายต่อสู้แข่งขันรณรงค์ทางการเมือง
…………………………………………………………
สรุปว่า การแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 จะทำให้ฝ่ายการเมืองนำสถาบันพระมหากษัตริย์ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เช่น นำไปใช้ในรณรงค์หาเสียง ทำให้บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์กลับเป็นฝักฝ่ายต่อสู้แข่งขันรณรงค์ทางการเมือง อันอาจนำมาซึ่งการโจมตี ติเตียน และกระทบกระเทือนต่อความเป็นกลางของสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องถูกลบล้างไป
”พรรคก้าวไกลและผู้สนับสนุน เรียกร้องให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ อยู่เหนือการเมือง ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ก็อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ อยู่เหนือการเมืองมาโดยตลอด“
”แต่การยกเลิกมาตรา 112 ต่างหากที่จะทำให้เกิดกระทบกระเทือนต่อการอยู่เหนือการเมืองและความเป็นกลางของสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องถูกลบล้างไป“
เพราะเมื่อยกเลิกมาตรา 112 แล้วก็จะมีฝ่ายการเมืองหรือประชาชนที่เป็นฝ่ายการเมืองดึงเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง
…………………………………………………………
“มาตรา 49 บัญญัติว่า การใช้สิทธิ หรือเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เพื่อล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทำไม่ได้”
กฎหมายมาตรา 49 ใช้คุ้มครอง ปกป้องการสั่นคลอนระบอบการปกครองจากการถูกบั่นทอน บ่อนทำลายโดยใช้สิทธิเสรีภาพ ทางการเมืองที่เกินขอบเขตของบุคคลหรือพรรคการเมืองไว้
หากยังปล่อยให้พรรคก้าวไกลและผู้สนับสนุนกระทำการดังกล่าวต่อไปย่อมไม่ไกลเกินเหตุที่จะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
…………………………………………………………
หลังคำวินิจฉัยของศาล มีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแสดงการไม่ยอมนับคำวินิจฉัยนั้น
มหาวิทยาเป็นสถาบันการศึกษาชั้นสูง นักศึกษาของมหาวิทยาลัยได้รับการยกย่องว่าเป็นปัญญาชน
ถ้าคำวินิจฉัยของศาลที่ชัดเจนและมีรายละเอียดครบถ้วนขนาดนี้ยังไม่เข้าใจ แล้วจะเป็นปัญญาชนหรือบัณฑิตได้อย่างไร
คณาจารย์และผู้บริหารที่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แต่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยวางตัวนิ่งเฉยต่อการกระทำของบุคคลกรหรือนิสิตนักศึกษา
จะถูกตั้งข้อสังเกตว่าเห็นด้วยหรือสนับสนุนการกระทำซึ่งศาลได้วินิจฉัยแล้วว่า การเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 คือการสิทธิเสรีภาพในการล้มล้างการปกครอง
โปรดระวัง
…………………………………………………………
อัษฎางค์ ยมนาค