เกิดอะไรขึ้นในวันที่ 6 เมษายน 2325
(อัษฎางค์ ยมนาค รวบรวม เรียบเรียง)
……………………………………………………………….
คนที่เป็นปฏิกษัตริย์นิยม ใช้สมเด็จพระเจ้าตากสินเป็นเครื่องมือในการดิสเครดิตรัชกาลที่ 1 ทั้งๆ ที่พระเจ้าตากคือผู้กอบกู้แผ่นดิน ส่วนรัชกาลที่ 1 คือผู้สานต่อที่ทำนุบำรุง จนแผ่นดินไทยมีอาณาเขตกว้างขวางใหญ่โตที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย และราชวงศ์จักรีก็บำรุงเมืองให้ราษฏรอยู่เย็นเป็นสุขมาถึงปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าตากสินคือพระมหากษัตริย์ที่มีพระคุณมากล้นสำหรับคนไทยทุกคน ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวคัดค้านเรื่องนี้
แต่ในช่วงท้ายรัชสมัย ที่ประวัติศาสตร์ระบุว่าทรงมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป จนถึงขั้นเสียสตินั้น ไม่มีใครในโลกนี้รู้ความจริงเลยว่า เป็นจริงหรือไม่ และเกิดอะไรขึ้น
แต่บางคนใช้เหตุการณ์นั้นใส่ร้ายรัชกาลที่ 1 ว่าอาการเสียจริตของพระเจ้าตากคือการบิดเบือนตกแต่งประวัติศาสตร์ที่ทำขึ้นโดยรัชกาลที่ 1 ซึ่งถ้าเป็นความจริงจะต้องมีหลักฐานแวดล้อมอื่นๆ ประกอบแล้ว แต่ไม่มีเลย
และที่ชัดเจนที่สุดคือรัชกาลที่ 1 ไม่ใช่ผู้ก่อการปฏิวัติรัฐประหาร เพราะในขณะที่เกิดรัฐประหารนั้น พระองค์รบอยู่ในเขมร และ 6 เมษยน 2325 พระองค์คือผู้ที่กลับมาระงับเหตุการปฏิวัติรัฐประหารและจราจลในครั้งนั้น
และฉะนั้นข้อกล่าวหาที่ว่า รัชกาลที่ 1 ปฏิวัติยึดพระราชอำนานจากพระเจ้าตากนั้นไม่เป็นความจริง และไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด
แต่มีความจริงอยู่อย่างหนึ่งคือ พระบรมวงศานุวงศานุวงศ์และขุนนางกรุงเก่าจำนวนไม่น้อยที่ไม่พอใจพระเจ้าตาก ด้วยตั้งข้อรังเกียจว่าเชื้อสายจีน
ซึ่งอาจะเป็นสาเหตุให้ขุนนางเก่าหาช่องทางก่อการปฏิวัติ และรัชกาลที่ 1 คือผู้ที่เข้ามาปราบการจราจลในครั้งนั้น
……………………………………………………………….
วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 คือวันที่…
• วันที่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพกลับมาถึงกรุงธนบุรี
• วันสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าตากสิน
• วันจักรี
……………………………………………………………….
นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้อธิบายไว้ใน “การเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี” ว่า
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงใช้อำนาจอย่างเด็ดขาด พระองค์ยังทรงประพฤติไม่เหมือนกับพระมหากษัตริย์อยุธยาแต่เดิมด้วย จนกลุ่มขุนนางอยุธยาแต่เดิมสูญเสียความศรัทธา และถูกมองว่าเสียสติ
สำหรับสาเหตุที่พระองค์เสียพระจริตนั้น มีหลักฐานได้อธิบายไว้หลายสาเหตุ สามารถจำแนกได้ดังนี้
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงวินิจฉัยว่า เป็นเพราะความสนพระทัยเรื่องเล่นเบี้ยนี้ทำให้พระองค์มัวเมา
กรมหลวงนรินทรเทวี พระน้องนางเธอต่างพระชนนีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงยกเหตุให้แก่การประหารชีวิตหัวหน้ากลุ่มญวน-จีนกว่า 53 คน และโปรดให้อพยพชาวญวนไปยังชายขอบพระราชอาณาเขต
พระสังฆราชปาลเลอกัวซ์ได้ฟังจากชนชั้นสูงของไทยสมัยนั้นว่าพระองค์ทรงได้รับโอสถขนานหนึ่งทำให้พระสติวิปลาส
กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดาทรงพระนิพนธ์อธิบายในเชิงจิตวิทยาและแสดงความเห็นใจสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ว่าพระองค์ทรงงานหนักจนทำให้เกิดความเครียด
……………………………………………………………….
ทั้งนี้ หลักฐานพงศาวดารซึ่งบันทึกอาการวิกลจริตของพระองค์ล้วนถูกเขียนขึ้นภายหลังการสวรรคตของพระองค์ทั้งสิ้น เช่นเดียวกับข่าวการเสียสติของพระองค์
กลุ่มชนชั้นสูง (ไม่รวมราษฎรสามัญ) ไม่ค่อยถูกใจสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี อาจตั้งแง่รังเกียจว่าเป็นคนจีน
ท้ายที่สุดแล้วสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ไม่สามารถรักษาพระราชอำนาจต่อไปได้ กลุ่มที่สืบเชื้อสายมาจากตระกูลขุนนางจึงทำการรัฐประหาร
……………………………………………………………….
ในบทความ “ชำแหละแผนยึดกรุงธนบุรี” เขียนโดยปรามินทร์ เครือทอง ได้ลำดับเหตุการณ์รัฐประหารไว้ว่า
แผนรัฐประหารเริ่มขึ้นในช่วงเวลาที่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (รัชกาลที่ 1) ไปการปราบปรามจลาจลในเขมร เมื่อราว พ.ศ. 2324 โดยทราบข่าวความไม่ปกติในกรุงธนบุรี จึงให้พระยาสุริยอภัยผู้หลานมาคอยฟังเหตุการณ์อยู่ที่เมืองนครราชสีมา
แรมเดือน 4 พ.ศ. 2325 ขุนแก้ว น้องพระยาสรรค์, นายบุนนาค นายบ้านในเขตกรุงเก่า และขุนสุระ นายทองเลกทองนอก ทั้งสามได้คิดก่อการปฏิวัติขึ้น
ฝ่ายเจ้าเมืองอยุธยา พระอินทรอภัย หนีรอดมาได้ กราบบังคบทูลต่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระองค์จึงให้พระยาสรรค์ขึ้นไปปราบ แต่ภายหลังพระยาสรรค์หักหลัง กลายเป็นแม่ทัพยกกลับมาตีกรุงธนบุรี
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2325 ทัพพระยาสรรค์ได้เข้าล้อมกำแพงพระนคร รบกับกองทัพซึ่งรักษาเมืองจนถึงเช้า ครั้นรุ่งเช้า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีบัญชาให้หยุดรบ พระยาสรรค์ก็ถวายพระพรให้ผนวช
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ทรงออกผนวชเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2325 วันรุ่งขึ้น พระยาสรรค์ก็ออกว่าราชการชั่วคราว
……………………………………………………………….
แต่มาภายหลัง พระยาสรรค์ได้ปล่อยตัวกรมขุนอนุรักษ์สงครามมาช่วยกันรบป้องกันพระนครจากกองทัพพระยาสุริยอภัย
ทั้งสองทัพรบกันเมื่อราว 2-3 เมษายน พ.ศ. 2325 พระยาสรรค์และกรมอนุรักษ์สงครามแตกพ่ายไป
สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก(รัชกาลที่ 1)และเจ้าพระยาสุรสีห์ (น้องชาย) ซึ่งไปราชการทัพเมืองเขมร และยกกำลังเข้าตีเมืองเสียมราฐ เมื่อทราบข่าวการจลาจลในกรุงธนบุรี จึงได้รีบยกทัพกลับ
จนเมื่อถึงวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกก็ยกทัพมาถึงกรุงธนบุรี
เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกมาถึงในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 ก็ได้สืบสวนเรื่องราวความวุ่นวายที่เกิดขึ้น และจับกุมผู้ก่อการกบฏมาลงโทษ
รวมทั้งให้ข้าราชการปรึกษาพิจารณาความที่มีผู้ฟ้องร้องกล่าวโทษว่าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเป็นต้นเหตุเนื่องจากพระองค์ทรงเสียพระสติไป
สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้พิพากษาโทษอดีตพระเจ้าตากดังความ:
“ตัวเป็นเจ้าแผ่นดินใช้เราไปกระทำการสงครามได้ความลำบากกินเหื่อต่างน้ำ เราก็อุตสาหะกระทำศึกมิได้อาลัยแก่ชีวิต คิดแต่จะทำนุบำรุงแผ่นดินให้สิ้นเสี้ยนหนาม จะให้สมณพราหมณาจารย์และไพร่ฟ้าประชากรอยู่เย็นเป็นสุขสิ้นด้วยกัน
ก็เหตุไฉนอยู่ภายหลังตัวจึงเอาบุตรภรรยาเรามาจองจำทำโทษ แล้วโบยตีพระภิกษุสงฆ์ และลงโทษแก่ข้าราชการและอาณาประชาราษฎร เร่งเอาทรัพย์สินโดยพลการด้วยหาความผิดมิได้ กระทำให้แผ่นดินเดือดร้อนทุกเส้นหญ้า ทั้งพระพุทธศาสนาก็เสื่อมทรุดเศร้าหมองดุจเมืองมิจฉาทิฐิฉะนี้”
เพื่อมิให้เกิดปัญหายุ่งยากอีกจึงให้สำเร็จโทษสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ณ ป้อมวิไชยประสิทธิ์ แล้วฝังพระบรมศพที่วัดบางยี่เรือใต้
ที่มา: วิกิพีเดีย
……………………………………………………………….
ประวัติศาสตร์ช่วงต่อจากแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าตากสินมาถึงสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ยังไม่มีข้อสรุปที่ทำให้ทุกคนหายข้อข้องใจก็จริง
แต่ประวัติศาสตร์ชาติไทยและพระราชประวัติของบูรพกษัตริย์ธิราชเจ้าผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณที่ทำให้ไทยเป็นไทยมาถึงทุกวันนี้ และทำให้เราทุกผู้ทุกคนมีที่อยู่ที่กินอยู่กันทุกวันนี้
เรารักและเทิดทูนสมเด็จพระเจ้าตากสิน ในขณะเดียวกันเราก็รักและเทิดทูนสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก 2 มหาราชของไทย
โปรดคิดให้มากๆ ก่อนวิพากษ์วิจารณ์ เพราะยังไม่มีใครแม่แต่คนเดียว ที่รู้ข้อเท็จจริงในเหตุการณ์เมื่อ 6 เมษายน 2325
ถ้าใครเชื่อเรื่องไสยศาสตร์หรือเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เหนือธรรมชาติ ก็มีอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์
คือเรื่องพระแก้ว และพระบาง ที่ได้อัญเชิญมากจากประเทศลาว ในสมัยพระเจ้าตากสิน
ซึ่งพระแก้ว พระบาง มีประวัติศาสตร์มาก่อนหน้านั้นนับร้อยๆ ปี ว่าไม่ถูกกัน ถ้าได้มาประดิษฐานอยู่ในเมืองเดียวกันคราวใด มักมีอันเป็นไปในทางไม่ดีมาตลอดระยะเวลาที่ปรากฏในประวัติศาสตร์
แล้วหลังจากรัชกาลที่ 1 ย้ายเมืองหลวงมาตั้งกรุงเทพ ก็อัญเชิญพระแก้วมรกตมาเพียงองค์เดียว และส่งพระบางกลับไปที่ประเทศลาว
เรื่องพระแก้ว พระบาง ก็อาจเป็นอาถรรพ์ที่ทำให้แผ่นดินของสมเด็จพระเจ้าตากสินมีอันเป็นไป ก็เป็นได้ ถ้าเราเชื่อเรื่องพวกนี้
……………………………………………………………….
ถ้าเมืองไทยไม่มีสมเด็จพระเจ้าตากสิน เราอาจไม่มีชาติไทย พระมหากรุณาธิคุณนั้นล้นเกล้าล้นกระหม่อม
ในขณะเดียวกัน ประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ หลังจากทำสงครามกอบกู้เอกราชในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน ต่อเนื่องมาถึงในรัชสมัยของราชกาลที่ 1 นั้น ทำให้ประเทศไทย ในสมัยรัชกาลที่ 1 มีดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลมากที่สุดนับตั้งแต่มีชาติไทยมา
ประเทศไทยในสมัยราชการที่ 1 ถือได้ว่าไทยเราเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคนี้
โดยทางเหนือมีล้านนาและสิบสองปันนาเป็นประเทศราช ทำให้ภาคเหนือของเรามีดินแดนจรดประเทศจีน ภาคใต้ กินพื้นที่ไปครึ่งหนึ่งของมาเลยเซีย ภาคตะวันออกมีประเทศลาวและกัมพูชาเป็นประเทศราช
นับตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาเป็นต้นมา มีราชวงศ์จักรีเพียงราชวงศ์ ที่ไม่เคยมีประวัติแย่งชิงราชสมบัติเลย และไม่มีพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีแม้แต่พระองค์เดียวที่มีประวัติทุรยศต่อชาติ
ไม่เหมือนในสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่มีพระมหากษัตริย์บางพระองค์ ที่ไม่ได้อยู่ในทศพิธราชธรรม บางช่วงก็มีการแข่งฆ่าเพื่อแย่งราชสมบัติ
จงภูมิใจใจเถิด ที่ได้เกิดมาใต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี
ปัจจุบันสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญและอยู่เหนือการเมือง กล่าวคือผู้มีอำนาจปกครองและบริหารบ้านเมืองตัวจริงคือนักการเมือง
อย่าให้ใครเขาหลอกใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่มุ่งหวังทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยคำอ้างว่าเรียกร้องประชาธิปไตย ทั้งที่ประเทศไทยของเราปกครองในระบอบประชาธิปไตยมาตั้งแต่ 2475 แล้ว
……………………………………………………..………..