“หนึ่งในคำตอบว่า ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ไว้ทำไม”
หลังสงครามมหาเอเชียบูรพา (สงครามโลกครั้งที่ 2) กองกำลังทหารอังกฤษและทหารในเครือจักรภพ โดยเฉพาะจากอินเดียเกือบสองหมื่นนายเข้ามาปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นในประเทศไทย
จนกระทั่งวันที่ 19 มกราคม หลังจากเสร็จภารกิจในปีถัดมา กองกำลังทหารอังกฤษและอินเดีย จะทำพิธีสวนสนามที่กรุงเทพฯ เพื่ออำลาประเทศไทยโดยมีลอร์หลุยส์เมาท์แบทเทน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของฝ่ายสัมพันธมิตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขึ้นแท่นรับความเคารพ
แต่…ประเทศไทยเปลี่ยนสถานการณ์จากประเทศแพ้สงคราม (เนื่องจากรัฐบาลคณะราษฎร์ของจอมพล ป. เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นซึ่งแพ้สงคราม จึงทำให้ไทยควรต้องอยู่ในฝ่ายพ่ายแพ้ด้วย) เป็นผู้ชนะสงคราม
เพราะคนไทยมิได้ยินยอมพร้อมใจไปกับการตัดสินใจของรัฐบาลคณะราษฎร์ จึงมีคณะทำงานใต้ดินที่ทำงานร่วมกับกลุ่มประเทศสัมพันธมิตร เช่นสหรัฐอเมริกา ซึ่งรู้จักกันในนาม”เสรีไทย” เป็นผลให้ไทยกลับเป็นประเทศชนะสงครามอย่างเต็มภาคภูมิ
…………………………………………………………………….
“…. ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าเสรีไทยในสหรัฐอเมริกา เล่าไว้ใน “ชีวลิขิต” ว่า
เมื่อญี่ปุ่นประกาศยอมสงบศึกในสงครามโลกครั้งที่ ๒ แล้ว อังกฤษแจ้งมาว่าจะส่งทหารเข้ามาปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นประเทศไทย รัฐบาลไทยได้ตอบไปว่า ไม่ต้องมาเพราะญี่ปุ่นวางอาวุธแล้ว
แต่อังกฤษก็ยังแข็งขืนส่งทหารเข้ามา โดยลอร์หลุยส์เมาท์แบทเทน (ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของฝ่ายสัมพันธมิตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) จะจัดสวนสนามทหารสหประชาชาติที่ถนนราชดำเนิน โดยตัวลอร์ดหลุยส์ฯ จะขึ้นแท่นรับความเคารพ
เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ได้มีพระราชกระแสรับสั่งกับนายกเสนีย์ว่าจะยอมให้รับลอร์ดหลุยส์ทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะจะเท่ากับว่าประเทศไทยถูกอังกฤษยึดครองแล้ว พระองค์จะเสด็จฯ ไปในงานนั้น และจะทรงขึ้นแท่นรับความเคารพด้วยพระองค์เอง
ท่านนายกเสนีย์เล่าว่า ตัวลอร์ดหลุยส์นั้นดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก แต่ก็ยินยอม และให้ขบวนการเสรีไทยเข้าร่วมสวนสนามต่อท้ายแถวทหารอังกฤษด้วย …”
…………………………………………………………………….
พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ทรงเครื่องแบบชุดทหาร เสด็จพระราชดำเนินตรวจพลสวนสนามสหประชาชาติ พร้อมด้วยลอร์ดหลุยเมานต์ แบตเตอร์น ที่ปรัมพิธีถนนราชดำเนิน ในวันที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๙
เป็นการประกาศให้โลกรู้ว่า ประเทศไทย มิใช่ผู้แพ้สงคราม และไม่ได้อยู่ภายใต้ในอาณัติของมหาอำนาจชาติใด ด้วยเพราะความร่วมแรงร่วมใจของคณะเสรีไทย ประกอบกับพระปรีชาญาณและไหวพริบปฏิภาณของมหากษัตริย์ไทย
ถึงแม้ว่ารัฐบาลคณะราษฎร์ ภายใต้อำนาจของนักการเมืองจะตัดสินเข้าข้างประเทศที่แพ้สงคราม แต่คนไทยก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการตัดสินใจของรัฐบาล
คณะเสรีไทยภายใต้พระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นองค์พระประมุขของไทย ได้เข้าร่วมปฏิบัติการกับกลุ่มประเทศสัมพันธมิตร อเมริกาและอังกฤษ จึงทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการเป็นประเทศฝ่ายที่แพ้สงครามในที่สุด
เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า นานาอารยะประเทศยึดถือว่าองค์พระมหากษัตริย์ของไทยเป็นเสาหลักของประเทศไทย
หนึ่งในคำตอบว่า ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ไว้ทำไม
…………………………………………………………………….
อัษฎางค์ ยมนาค