Apple AI กับการนิยมสร้างความเกลียดชัง
หนึ่งในปัญหาสังคมคือ การเมาท์เรื่องที่ตัวเองเข้าใจผิด ชี้นำสังคมให้เข้าใจผิดตามตนเอง
ไม่ว่าเรื่องเทคโนโลยี การค้าขายหรือการเมือง ที่อาจสร้างปัญหาความแตกแยก หรือสร้างความเกลียดชังคือ การเมาท์เรื่องที่ตัวเองเข้าใจผิด ที่ชี้นำสังคมให้เข้าใจผิดตามตนเอง
เช่น มีการเมาท์ที่อาจสร้างความเข้าใจผิดจนถึงขั้นอาจสร้างความเกลียดชังว่า Apple’กั๊ก’ ไม่ยอมทำให้โมเดลสมาร์ทโฟนรุ่นต่ำกว่า iPhone 15 Pro ใช้งานฟีเจอร์ Apple Intelligence ได้ เพื่อต้องการดูดเงินลูกค้าให้ซื้อเครื่องใหม่
โดย อัษฎางค์ ยมนาค
…………………………………………………………………
Apple ระบุชัดว่า “Apple Intelligence จะสามารถให้บริการได้บน iPhone 15 Pro, iPhone 15 Pro Max และ iPad กับ Mac ที่มีชิป M1 เป็นต้นไป”
ทำให้มีคนเข้าใจผิดและวิพากษ์วิจารณ์กันไปผิดๆ แม้แต่ The Standard สื่อออนไลน์ค่ายดังของไทยยังเอาข่าวนี้มาเล่น จนอาจทำให้ความเข้าใจผิดขยายวงกว้างขึ้นในหมู่คนไทยว่า
Apple’กั๊ก’ ที่ไม่ยอมทำให้โมเดลสมาร์ทโฟนรุ่นต่ำกว่า iPhone 15 Pro ใช้งานฟีเจอร์ Apple Intelligence ได้
พูดอีกนัยหนึ่งก็คือเป็นการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วย ‘เงิน’ เพื่อผลักดันให้เกิดการอัปเกรดครั้งใหญ่โดยผู้ใช้งาน ซึ่งถ้าใครที่ต้องการเข้าถึง AI ของ Apple แต่มี iPhone 15 ที่เพิ่งออกมาเมื่อ ปีที่แล้ว ก็อาจจะต้องชั่งน้ำหนักว่า จะซื้อ iPhone ตัวใหม่เพื่อจะได้ใช้ Apple Intelligence นั้นจะคุ้มค่าหรือไม่?
แต่ความจริง Apple ก็ให้รายละเอียดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมไม่อ่าน ฟังหรือศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อนจะมาให้ข่าวที่อาจทำให้สังคมเข้าใจผิด และอาจทำให้เกิดทัศนคติเป็นลบต่อ Apple
เพราะข้อเท็จจริงที่เครื่องรุ่นที่ต่ำกว่า iPhone 15 Pro ไม่สามารถใช้ Apple Intelligence ซึ่งเป็น AI ของ Apple ก็คือเรื่องทางเทคนิค เพราะ Apple Intelligence ต้องใช้ความสามารถในเรื่องไฮเทคโนโลยีและการประมวลผลที่สูงเป็นพิเศษ ไม่ใช่ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อให้คนต้องจ่ายเงินเพิ่ม
อีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ iPad Pro ที่ก้าวกระโดดจากชิบ M2 ข้ามไปใช้ M4 ก็คือการออกอุปกรณ์สำหรับรองรับเทคโนโลยีของอนาคตที่จะเกิดขึ้นตามมา
ซึ่งเช่นเดียวกับ iPhone 15 Pro และ 15 Pro MAX ที่ใช้ชิบ A17 Pro นั้นคือการออกอุปกรณ์สำหรับรองรับเทคโนโลยีของอนาคตที่จะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งก็คือ Apple Intelligence
ในขณะที่ iPhone 15 ใช้ชิบ A16 ซึ่งทำให้ราคาขายถูกกว่า แต่ไม่รองรับเทคโนโลยีในอนาคต
คนชอบวิจารณ์ว่าอุปกรณ์ของ Apple หน้าตาไม่เปลี่ยนหรือเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย
ความจริงไส้ในของเครื่อง เช่น ชิปประมวลผลที่เป็นหัวใจสำคัญของเครื่อง มีความแตกต่างทางเทคโนโลยีอย่างเห็นได้ชัด
iPad รุ่นล่าสุด ก็เห็นได้ชัด คือ
iPad Pro ใช้ M4 ในขณะที่ iPad Air ใช้ M2
หรือ iPhone 15 Pro และ 15 Pro MAX ที่ใช้ชิบ A17 Pro
ในขณะที่ iPhone 15 ใช้ชิบ A16
ซึ่งเป็นชิปประมวลผลรุ่นที่ห่างและต่างกันอย่างมากอย่างเห็นได้ชัด
หนึ่งในสามเหตุของการซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น iPhone iPad MAC ที่สเปกสูงและราคาแพงกว่ารุ่นรองลงไป ก็เพื่อจะเก็บไว้ใช้ได้นาน เพราะจะรองรับเทคโนโลยีในอนาคตที่จะตามมา
iPhone 15 Pro และ 15 Pro MAX (A17Pro) และ iPad Pro (M4) คือตัวอย่าง
เห็นความแตกต่างกันหรือยัง
…………………………………………………………………
จอห์น เจียนนานเดรีย รองประธานอาวุโสด้านการเรียนรู้ของเครื่องและกลยุทธ์ AI ของ Apple ได้อธิบายในรายการ The Talk Show Live (ที่ได้รับการสังเกตโดย The Verge) ว่าการใช้งานโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) ต้องการพลังการประมวลผลจำนวนมาก
ดังนั้นอุปกรณ์ที่รัน LLMs จะต้องเร็วและทรงพลังพอที่จะทำงานได้ “การประมวลผลของโมเดลภาษาขนาดใหญ่นั้นใช้พลังการคำนวณอย่างมาก” เจียนนานเดรียอธิบาย “ดังนั้นมันจึงเป็นการผสมผสานระหว่างแบนด์วิธในอุปกรณ์ ขนาดของ ANE (Apple Neural Engine) และพลังในการประมวลผลในอุปกรณ์เพื่อให้โมเดลเหล่านี้ทำงานได้เร็วพอที่จะมีประโยชน์ ในทางทฤษฎี คุณสามารถรันโมเดลเหล่านี้ในอุปกรณ์ที่เก่ามากได้ แต่มันจะช้ามากจนไม่เกิดประโยชน์”
การฟัง (หรืออ่าน) นี้ คุณอาจคิดว่านี่เป็นข้ออ้างของ Apple เพื่อขายอุปกรณ์ใหม่ โดยเฉพาะการผลักดันให้ขาย iPhone 15 Pro มากขึ้น แต่หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Apple เกรก โจสเวียก ได้ปฏิเสธแนวคิดนั้น โดยกล่าวว่า “ไม่เลย ไม่อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเราก็ฉลาดพอที่จะทำเฉพาะ iPad และ Mac รุ่นใหม่เท่านั้น”
Apple Intelligence จะนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ให้กับอุปกรณ์ที่ใช้งานได้ ฟีเจอร์บางส่วนที่มาจาก Apple Intelligence รวมถึง Writing Tools ที่จะมีความสามารถในการเขียนและตรวจสอบเอกสารใหม่ (คล้ายกับฟีเจอร์ที่มีใน Grammarly) Genmoji ที่ใช้ AI สร้างอีโมจิใหม่จากคำบรรยายที่ผู้ใช้ให้มา และการยกเครื่อง Siri ใหม่ทั้งหมด
ตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว iPhone 15 Pro ได้เน้นการเป็นสมาร์ทโฟน “เรือธง” มากขึ้น ด้วยชิป A17 Pro ระบบบนชิป (SoC) Apple ได้ทำให้ iPhone 15 Pro เป็น iPhone แรกที่มี Apple Intelligence เป็น iPhone แรกที่รองรับการแรย์เทรซิ่งด้วยฮาร์ดแวร์ และเป็น iPhone แรกที่ได้รับการพอร์ตเกมระดับคอนโซลที่รันบนอุปกรณ์ได้
ในรีวิวคะแนน 9/10 ของ iPhone 15 Pro IGN เขียนว่า “iPhone 15 Pro และ Pro Max มีสิ่งใหม่ ๆ มากกว่าที่รูปลักษณ์ภายนอกคล้ายคลึงกันอาจแสดงให้เห็น ฟีเจอร์กล้องระดับโปรเพิ่มเติม พลังในการเล่นเกมที่จริงจัง และความอิสระจากสาย Lightning ที่เป็นกรรมสิทธิ์ทำให้เป็นการอัปเกรดที่สำคัญกว่ารุ่นปีที่แล้ว”
…………………………………………………………………
หนึ่งในปัญหาสังคมคือ
อย่าเมาท์เรื่องที่ตัวเองเข้าใจผิด ชี้นำสังคมให้เข้าใจผิดตามตนเอง
ไม่ว่าเรื่องเทคโนโลยี การค้าขายหรือการเมือง ที่เป็นปัญหาความแตกแยก เกลียดชังคือ การเมาท์เรื่องที่ตัวเองเข้าใจผิด ที่ชี้นำสังคมให้เข้าใจผิดตามตนเอง
…………………………………………………………………
Appearing on The Talk Show Live (spotted by The Verge), Apple SVP of Machine Learning and AI Strategy John Giannandrea explained that running large language models (LLMs) requires a lot of computing power, so the device running the LLMs needs to be fast and powerful enough to handle it.
“The inference of large language models is incredibly computationally expensive,” Giannandrea explained. “So it’s a combination of bandwidth in the device, it’s the size of the ANE, it’s the oomph in the device to actually do these models fast enough to be useful. You could, in theory, run these models on a very old device. But it would be so slow it would not be useful.”
Listening (or reading this), you would probably think this was Apple’s excuse to sell new devices, specifically pushing to sell more iPhone 15 Pros. But Apple’s Marketing Chief Greg Joswiak pushed back on that idea, saying, “No, not at all. Otherwise, we’ve been smart enough just to do recent iPads and Macs, too.”
Apple Intelligence will introduce a slew of AI-powered features to the applicable devices. Some of the features coming thanks to Apple Intelligence include Writing Tools, which will offer the ability for AI to rewrite and proofread documents (akin to features available via Grammarly), Genmoji, which will use generative AI (GenAI) to create new emotes based on text descriptions provided by the user, and an overhaul to Siri.
Since its release last year, the iPhone 15 Pro has placed greater emphasis on making it a “flagship” smartphone. With the A17 Pro system on a chip (SoC), Apple has made the iPhone 15 Pro the first iPhone to introduce Apple intelligence, the first iPhone to support hardware-based raytracing, and the first to receive console-quality ports that run natively on the device.
In our 9/10 review of the iPhone 15 Pro, IGN wrote: “The iPhone 15 Pro and Pro Max have more going on than their similar outward appearance suggests. Even more pro-level camera features, serious gaming power, and long-overdue freedom from the proprietary Lightning cables make this a significant upgrade over last year’s phone.”
…………………………………………………………………