“ภาษาฝรั่งของนายหญิง”
โดย อัษฎางค์ ยมนาค
ผมมีคติเตือนในใจอยู่เรื่องหนึ่งคือ ถ้าคนที่รักกันจริงต้องกล้าบอกกล้าเตือนกัน เช่น คนเห็นเรานุ่งกางเกงแล้วลืมรูดซิปแต่ไม่มีใครกล้าเตือน สุดท้ายเราจะขายหน้า เพราะฉะนั้นคนที่รักกันจริงเท่านั้นที่จะกล้าเตือนว่ามีอะไรผิดพลาด
วันนี้จึงขออนุญาตพูดเรื่องนี้ ท่านนายกฯ จะถือว่ารักหรือเกลียดก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณา
…………………………………………………………………………..
สื่อต่างชาติถามท่านนายกฯ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ว่า
How much would you be relying on your father for guidance and advice in this new job?
“ท่านนายกฯ จะพึ่งพาคุณพ่อของท่านมากแค่ไหนในการขอคำแนะนำและคำปรึกษาในงานใหม่นี้?”
นายหญิงตอบว่า….
I hope I can, um ask him for advice anytime that I want, but not all the time, 24 /7 like that, because it’s not possible.
ผมขออนุญาตปรับเปลี่ยนให้ถูกต้องและสวยงามดังนี้
การใช้คำว่า “anytime that I want” ค่อนข้างเป็นภาษาพูด ควรปรับให้สละสลวยมากขึ้น เช่นพูดว่า “whenever I need it” จะเป็นคำที่เป็นธรรมชาติมากกว่า “anytime that I want”
การพูดว่า “24/7 like that” ใช้ได้แต่ก็เป็นภาษาพูดที่ไม่ค่อยชัดเจน
ประโยคที่ว่า “it’s not possible” ก็ใช้ได้ แต่สามารถปรับให้ดูเป็นทางการขึ้นได้ เช่น “that’s not realistic”
รวมทั้ง “constantly” เป็นคำที่มีความหมายชัดเจนและเป็นทางการกว่า “all the time”
สรุป ควรพูดว่า….
“I hope I can ask him for advice whenever I need it, but not constantly, like 24/7, because that’s not realistic.“
“ฉันหวังว่าฉันจะสามารถขอคำแนะนำจากท่านได้ทุกเมื่อที่ฉันต้องการ แต่ไม่ตลอดเวลาแบบ 24 ชั่วโมง เพราะมันไม่เป็นไปได้”
…………………………………………………………………………..
“Responsibilities and goals”
ประโยคต่อมา นายหญิงตอบว่า….
“I am my own person and I have my own things and my own goals that I have to be achieved in the future.”
ประโยคนนี้มีจุดที่ผิดไวยากรณ์และใช้คำศัพท์ที่ไม่ถูกต้องนัก
การใช้คำว่า “my own things” โดยเฉพาะคำว่า “things“ ค่อนข้างกว้างและไม่ชัดเจน ควรใช้คำที่ชัดเจนกว่านี้ เช่น “responsibilities” หรือ “tasks” ถึงจะเหมาะสมกับบริบทที่กล่าวถึงหน้าที่และเป้าหมาย
ดังนั้น แทนที่จะพูดว่า…
I have my own things and my own goals.
ควรพูดว่า…
I have my own responsibilities and goals.
ส่วนประโยคที่ว่า ”that I have to be achieved” เป็นการใช้ไวยากรณ์ที่ผิด
ต้องแก้เป็น “that I have to achieve” เพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างประโยคแบบ active voice
สรุปที่ถูกต้องควรพูดว่า
“I am my own person, and I have my own responsibilities and goals that I need to achieve in the future.”
ฉันเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเอง และฉันมีหน้าที่รับผิดชอบและมีเป้าหมายของตัวเองที่ต้องทำให้สำเร็จในอนาคต
…………………………………………………………………………..
การใช้ “can” และ “could”
นายหญิงตอบว่า….
”But of course, all the comments from him valued me. And Yes, I just, wish that I could, um,work with everybody and including my dad as well.“
มีการใช้คำว่า “just” และมีคำว่า “um” ที่เป็นการใช้ในภาษาพูดเพื่อแสดงความลังเล ทำให้ประโยคฟังดูไม่ค่อยเป็นทางการและไม่ค่อยชัดเจน
คำว่า “valued me”
คำว่า “valued” เป็นคำกริยาที่ต้องมีตัวถูกกระทำ (object) ตามหลัง เช่น “valued the gift” แต่ในประโยคนี้ไม่มีคำนามที่บอกว่า “valued” อะไร จึงทำให้ประโยคไม่สมบูรณ์
ประโยคที่ว่า…
“I could work with everyone, including my dad.”
ประโยคนี้ควรใช้ can ไม่ใช่ could
การใช้คำว่า “can” แสดงถึงความสามารถหรือศักยภาพที่เป็นจริงในปัจจุบัน
การใช้คำว่า “can” หมายความว่า ฉัน”สามารถ”ทำงานร่วมกับทุกคน รวมถึงพ่อของฉันได้ในตอนนี้หรือในสถานการณ์ปัจจุบัน
แต่นายหญิงตอบว่า….
“I could work with everyone, including my dad.”
การใช้คำว่า “could” แสดงถึงความสามารถในอดีต หรือ“เป็นการพูดถึงความเป็นไปได้ในอนาคตหรือในสถานการณ์สมมุติ”
การใช้คำว่า “could” หมายความว่า ฉัน”อาจจะสามารถ”ทำงานร่วมกับทุกคน รวมถึงพ่อของฉันได้ “
การใช้คำว่า “could” เป็นการพูดในเชิงความเป็นไปได้ ซึ่งแปลว่า อาจจะสามารถทำได้หรืออาจจะทำไม่ได้ก็ได้
สรุปคือ “can” แสดงถึงความสามารถในปัจจุบัน ส่วน “could” มักจะใช้พูดถึงความเป็นไปได้ในอดีตหรืออนาคต หรือในบริบทที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง หรือแสดงถึงความเป็นไปได้ ที่แปลว่า อาจจะเป็นไปไม่ได้ก็ได้
ดังนั้นถ้านายหญิงพูดว่า I can ก็จะแปลว่า ฉันทำได้ (แน่นอน)
แต่พอนายหญิงพูดว่า I could จะกลายเป็นว่า ฉัน“อาจจะ”ทำได้ ซึ่งแปลว่า อาจจะทำไม่ได้อีกด้วย
“I could work with everyone.
ฉัน“อาจจะ”จะทำงานกับทุกคนได้ หรือ “อาจจะไม่สามารถ”ทำงานกับทุกคนได้จบกันเลยถ้าใช้ could
…………………………………………………………………………..
การใช้ “hope” กับ “wish”
ควรใช้คำว่า “hope” แทน “wish” ซึ่งสื่อถึงความหวังที่เป็นไปได้มากกว่า
การใช้ Wish แสดงความปรารถนาหรือความต้องการสิ่งหนึ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้หรือเป็นไปได้ยากในปัจจุบันหรืออนาคต
โดยมีโครงสร้างที่มักใช้กับ past tense หรือ would + infinitive
นายหญิงพูดว่า…
“I wish that I could, um,work with everybody and including my dad as well.”
แสดงถึงความปรารถนาที่จะทำงานร่วมกับทุกคน รวมถึงพ่อด้วย “แต่เป็นไปได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน”
ส่วนคำว่า Hope แสดงความคาดหวังหรือความเชื่อว่าสิ่งหนึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต
“I just hope that I can work with everyone, including my dad.”
แสดงถึงความหวังหรือความคาดหวังที่จะทำงานร่วมกับทุกคน รวมถึงพ่อด้วย โดยมีความเป็นไปได้มากกว่าประโยคที่ใช้ wish
ใช้ wish ก็จบเหมือนกัน
นายหญิงใช้ทั้ง wish ทั้ง could ซึ่งแสดงถึงความปรารถนาที่จะทำงานร่วมกับทุกคน รวมถึงพ่อด้วย “แต่เป็นไปได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน”
รวมทั้ง การใช้ “and including my dad as well” อาจทำให้ประโยคดูซับซ้อนเกินไป สามารถปรับเปลี่ยนได้หลายวิธี เช่น “including my dad” หรือ “especially my dad”
…………………………………………………………………………..
สรุปควรพูดว่า…
“But of course, all the advice he gives me is valuable.”
แต่แน่นอน (ไม่ต้องสงสัยเลย) ว่าคำแนะนำทั้งหมดที่เขาให้ฉันนั้นมีคุณค่า/มีประโยชน์ กับฉันมาก
“I really hope that I can work with everyone, especially my dad.”
ฉันหวังจริงๆ ว่าจะได้ทำงานร่วมกับทุกคน โดยเฉพาะคุณพ่อ
ถ้าพูดแบบนี้ จะกลายเป็นประโยคที่พยายามสื่อถึงความรู้สึกดีที่มีต่อคำพูดของบุคคลหนึ่ง ที่ความปรารถนาที่จะทำงานร่วมกับทุกคน
มากกว่าที่จะพูดว่า ”I wish that I could, um, work with everybody“ ซึ่งเป็นการพูดถึงความเป็นไปได้ในอนาคตหรือในสถานการณ์สมมุติ เป็นการแสดงถึงความปรารถนาที่จะทำงานร่วมกับทุกคน รวมถึงพ่อด้วย “แต่เป็นไปได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน” นอกจากนี้การที่เผลอส่งเสียง Um ยังบ่งบอกถึงความไม่มั่นใจอีกด้วย
…………………………………………………………………………..
สรุป ภาษาอังกฤษของนายกฯ แพทองธาร ถือว่าสื่อสารกับชาวต่างชาติได้เข้าใจถึงแม้จะมีผิดหรือไม่สมบูรณ์อยู่บ้าง แต่ถือว่าดีกว่านายกฯ หญิงคนแรกซึ่งพูดแทบไม่รู้เรื่องเลยอยู่หลายเท่าตัว