เมื่อทราบความจริงทั้งหมด ยิ่งทำให้รู้ว่า
“ที่คิดว่ารู้นั้นรู้น้อยมาก ที่คิดว่ารักนั้นรักน้อยอยู่ ที่คิดว่าภักดีนั้นคงไม่พอ”
28 สิงหาคม 2564
เช้านี้ผมเห็นข้อความนี้แชร์กันในโลกออนไลน์ จึงไลน์ไปเรียนถามผู้พันเบิร์ด และท่านกรุณาโทรกลับมาเล่ารายละเอียดให้ฟัง ซึ่งมีทั้งที่เขียนไว้ทวิตเตอร์และที่ไม่ได้เขียนเผยแพร่ไว้ เป็นเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังที่น่าประทับใจยิ่ง
พันเอก(พิเศษ) วันชนะ สวัสดี
หรือที่คนไทยเรียกติดปากว่าผู้พันเบิร์ด
รองโฆษกกระทรวงกลาโหม
รองผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์
สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมและตุลาการศาลทหารกรุงเทพฯ
เล่าไว้เท่าที่จะเผยแพร่ได้มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
………………………………….………………………………….
“เรื่องเล่าหลังพระบรมโกศ”
ผมเห็นโต๊ะที่ต่างไปจากงานพิธีตัวหนึ่งตั้งอยู่หลังหีบพระบรมศพ ก็ได้เรื่องดีๆเป็นกำลังใจ เรื่องนี้ผมได้รู้ว่า พระองค์ทำเพื่อคนไทยมาตลอดแม้ลมหายใจสุดท้ายของพระองค์
หลายคนที่ขึ้นไปถวายบังคมพระบรมศพบน แม้จะได้ขึ้นไปกราบเพียงช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากที่รอต่อแถวเป็นหลายชั่วโมง เป็นวันก็มี
ผมและครอบครัวคือหนึ่งในคนที่ได้ไปซึมซับบรรยากาศครั้งนั้น เมื่อเดินก้าวเข้าไปในดุสิตมหาปราสาท ผมได้พยายามเก็บภาพจำและนึกถึงความรู้สึกในช่วงเวลานั้นเพื่อเก็บไว้กับตัวเองให้ครบถ้วนที่สุด
และเมื่อกราบเรียบร้อย เจ้าพนักงานให้เดินออกไปทางขวา และในระหว่างที่เดินออก ผมได้มองเห็นด้านหลังพระบรมโกศ ที่มีหีบพระบรมศพตั้งอยู่ พื้นที่บริเวณนั้นถูกจัดเป็นระเบียบ
“มีโต็ะตัวหนึ่งตั้งอยู่ เป็นโต๊ะที่แตกต่างจากงานพระราชพิธี เห็นมีของตั้งอยู่บนโต๊ะด้วย”
ด้วยความสงสัยเมื่อลงไปใส่รองเท้าเสร็จแล้วจึงถามกับเจ้าพนักงานและสืบค้นจากพี่ๆที่รู้จักในภายหลังได้ความว่า
“โต๊ะนี้เป็นโต๊ะทรงงานของพระองค์ บนโต๊ะมีแผนที่ แว่นขยาย ดินสอ ใต้โต๊ะมีกระเป๋าหนังสือน้ำตาล 1 ใบ แผนที่บนโต๊ะนั้นเป็นระวาง จังหวัดฉะเชิงเทรา”
ที่เป็นฉะเชิงเทรา เพราะว่าพระองค์กำลังวางแผนทำแก้มลิงเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมบริเวณภาคตะวันออกในปี 55
แต่พระองค์ประชวรเสียก่อน เลยไม่ได้กลับมานั่งโต๊ะทรงงานนี้อีก
เหตุเพราะเมื่อปี 54 น้ำท่วมหนักมาก พระองค์กลัวว่าถ้าท่วมอีก เศรษฐกิจจะแย่ ประชาชนจะลำบากหนัก
จึงพยายามวางแผนทำแก้มลิงให้ภาคตะวันออก
เมื่อทราบความจริงทั้งหมด ยิ่งทำให้รู้ว่า
“ที่คิดว่ารู้นั้นรู้น้อยมาก ที่คิดว่ารักนั้นรักน้อยอยู่ ที่คิดว่าภักดีนั้นคงไม่พอ”
เพราะมันมากกว่าที่เรามีในความรู้สึกที่ผ่านมา รักพระองค์มาก เขียนได้แค่นี้
………………………………….………………………………….
จากเรื่องเล่าของผู้พันเบิร์ดนั้นทำให้เราคนไทยเห็นได้ชัดเจนว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงงานเพื่อคนไทยจนนาทีสุดท้ายจริงๆ คนที่ใจบอดมองไม่เห็นคุณงามความดีของพระองค์ท่านที่มีผลงานเป็นประจักษ์ขนาดนี้ ย่อมถือได้ว่า เกิดมาบนผืนแผ่นดินไทย แต่ไร้บุญวาสนาที่จะได้เห็นองค์พระโพธิสัตว์
อัษฎางค์ ยมนาค ขอจดบันทึก