“อย่าแค่แขวนพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ไว้ในบ้าน”
… ศาสตราจารย์ แมนเฟรด คราเมส ( Prof.Manfred Krames ) เป็นคนเยอรมัน เขาอาศัยอยู่ในศรีลังกาหลายปี กระทั่งหลังเกิดมหาสึนามิไม่นานเขาจึงย้ายมาพำนักที่ ประเทศไทย ณ จังหวัดเชียงใหม่ ฝรั่งคนนี้มีมุมมองที่น่าสนใจยิ่งในเรื่องในหลวงกับคนไทย
เขาบอกว่า เวลาได้ยินคนไทยพูดว่า รักในหลวง เขารู้สึกเศร้าใจ
เขาถามว่า เป็นคุณๆจะไม่เศร้าใจหรือ ถ้าคุณมีลูกที่ไม่เคยเชื่อคำสอนของคุณเลย ไม่เคยเดินตามแนวทางที่คุณวางไว้ ไม่ต้องการเรียนรู้อะไรจากคุณ …
“… สิ่งที่พวกเขาทำนั้นเพียงแค่ก่อปัญหาแล้วก็เรียกร้องให้ท่านยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเสมอ ในขณะเดียวกันก็พร่ำพูดว่า ลูกรักพ่อ ถ้าท่านเป็นพ่อ ท่านจะรู้สึกอย่างไร ??”
… ในทัศนะของเขา ในหลวงคือ ครูผู้ยิ่งใหญ่ หรือ บรมครูผู้ที่เราต้องเรียนรู้จากพระองค์ท่าน ทรงเป็นครูของเรา แต่ได้โปรดตระหนักไว้เสมอว่า …
“… อย่าศึกษาเล่าเรียนเพื่อเอาใจครู แต่จงศึกษาเล่าเรียนเพื่อประโยชน์และความดีงาม ให้แก่ตัวท่านเอง …”
… ผมคิดว่า เป็นการไม่รับผิดชอบ ที่จะนั่ง ๆ นอน ๆ ใช้ชีวิตอย่างสบาย และให้คนคนเดียวทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลและแก้ไขปัญหาของชาติ ท่าทีเช่นนี้เป็นสิ่งที่แสดงถึงความไม่เคารพพระองค์ ซึ่งแย่เสียกว่าการพูดถึงพระองค์ในทางที่ไม่ดีในที่สาธารณะ ประเทศหลายแห่งในโลกจะดีใจมากที่มีพระมหากษัตริย์เช่นนี้แต่ท่านเองเป็นคนไทย มีพระองค์ เป็นกษัตริย์ แต่ไม่ได้นำประโยชน์จากพระองค์มาใช้ประโยชน์ในชีวิตเลย …
… ผมคิดว่า น่าละอาย ถ้าหากเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปสู่วาระใหม่ และมีกระแสลมแรงมาจากทิศทางอื่นประเทศหลายแห่งในโลกจะชี้มายังประเทศไทยและดูแคลนว่า …
“… ดูสิ พวกเขามีครูที่ยิ่งใหญ่แต่ได้เรียนรู้จากพระองค์น้อยมาก …”
… ผมรู้สึกสงสารพระองค์อย่างสุดซึ้ง เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นบุคคลเพียงคนเดียวที่พยายามพัฒนาชาติ ในขณะที่คนอื่น ๆ ในชาติ เฝ้าแต่รอให้สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น …”
… ศ.คราเมส ระบุว่า จะพบเห็นว่า นักการเมืองจำนวนมากในเอเซียที่หลังจากครองอำนาจและได้ผลประโยชน์แล้ว มักจะไม่ได้ช่วยเหลืออะไรแก่ประชาชนเลย นักการเมืองเหล่านั้นทำให้ในหลวงทุกข์ใจ พวกเขาเสแสร้งว่า ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณแต่นั่นเป็นการสร้างภาพไม่ใช่ความจริง ...
“… พวกเขาเพียงแค่ต้องการใช้ภาพความจงรักภักดีนี้ เพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนเทคะแนนให้ในการเลือกตั้งและขึ้นสู่อำนาจในเวลาต่อมาเท่านั้น ประชาชนไทยมุ่งหวังว่า นักการเมืองจะอุทิศตนเพื่อประเทศชาติ เฉกเช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่พวกเขาก็ทำให้คนไทยทั้งชาติผิดหวัง พวกเขาไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพวกนักการเมืองไทยได้รับอิทธิพลแนวคิดแบบตะวันตกและมีหัวใจที่ถูกครอบงำไว้ด้วยธุรกิจ …
… สำหรับผม พวกเขาจึงไม่ได้มีความเป็นไทยอีกแล้ว นั่นคือ เหตุผลที่ว่า ทำไมคนธรรมดาสามัญทั้งหลาย จึงรู้สึกรับไม่ได้กับการคอร์รับชั่นฉ้อราษฏร์บังหลวง และนักโกหกที่ทำลายประเทศลงด้วยมือของพวกเขาเอง …”
… ศ.คราเมส เสนอแนะว่า คนไทยจะต้องเข้าใจคุณค่าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างถ่องแท้และผสมผสานแนวทางแห่งพระพุทธศาสนาของพระองค์ลงไปในการดำเนินชีวิตประจำวัน และถายทอดเรื่องราวเหล่านี้ในโรงเรียนเพื่อให้คนรุ่นใหม่ ๆ ได้ศึกษาด้วย …
… เขาเห็นว่า พระราชดำริหรือสิ่งที่ทรงทำในทุกๆเรื่องนั้น ทรงใช้หัวใจทั้งสิ้น เพราะพระองค์เข้าใจดีถึงคุณค่าของความรักและความซื่อสัตย์ คนไทยทั้งหลายรู้สึกเชื่อมโยงถึงพระองค์ท่านได้ก็เพราะสิ่งนี้ เขาคิดว่า คำสอนของในหลวงนั้นเป็นสากลเช่นเดียวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า ด้วยเหตุนี้คนทั่วโลกถึงเรียนรู้และปรับเอาความรู้จากในหลวงไปใช้ได้เช่นกัน
“… พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ทรงเป็นทั้งสัญญลักษณ์ของความชาญฉลาดแบบตะวันตกและภูมิพลังปัญญาแบบตะวันออกในบุคคลเดียวกัน ซึ่งถือว่า เป็นสิ่งสมบูรณ์พร้อมอย่างมาก …”
… ศ.คราเมส ระบุว่า นักการเมืองไทยนั้นตกอยู่ในค่านิยมตะวันตกและมักกระตุ้นคน ด้วยการบริโภคนิยมและอำนาจล่อใจของอิทธิพลทางการเมืองและวัตถุนิยมกำลังเข้มแข็งมากเกินไปในสังคมไทย
เพราะมองเห็นเช่นนี้เขาจึงเตือนว่า …
“… คำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงกำลังสูญหายไปตลอดกาลหากยังไม่มีใครตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญแห่งคำสอนนั้น …”
… ทุกคนควรตระหนักว่า หนทางเดียวที่จะแสดงความเคารพต่อครูก็คือ เรียนรู้จากพระองค์เพื่อที่จะนำความรู้นั้นไปข่วยเหลือคนอื่น ไม่ใช่เพียงแค่แขวนพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ไว้ในบ้าน ...
… หากคนทุกช่วยกันเก็บรักษาเจตนารมย์อันแรงกล้าและคำสอนของพระองค์เอาไว้ให้อยู่สืบต่อไปตราบชั่วลูกชั่วหลาน ผมเชื่อเหลือเกินว่า พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของทุกคนพระองค์นี้จะอยู่ในหัวใจคนไทยตลอดกาล …”
.. ฝรั่งคนนี้เป็นใครยังไม่ได้สืบค้น แต่หลายคำของเขานั้นมีคุณค่าน่าเอามาใส่ใจ บัดนี้ สิ่งที่เขาเตือนคนไทยมาหลายปีนั้น ปรากฎชัดว่า เป็นเช่นนั้นจริงๆ เช่น หลายประเทศในโลก เห็นคุณค่าของในหลวงและสิ่งที่พระองค์คิด และสิ่งที่พระองค์ทำ แม้กระทั่งองค์การสหประชาชาติ ก็ยกย่องสดุดีพระองค์ท่านในไม่ช้านี้ คำเตือนของเขาอีกหลายอย่างก็คงจะเกิดขึ้นตามมา …
… น่าคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่เราควรช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันสืบทอด ช่วยกันบำรุงรักษา หรือพัฒนาพระราชมรดกที่พระราชทานไว้ให้แก่สังคมเราสืบต่อไปได้อย่างไร …
Cr. : ภัทระ คำพิทักษ์ เรียบเรียงจากบทความเรื่อง
“เรียนรู้จากพระเจ้าอยู่หัว”
โดย ศาสตราจารย์แมนเฟรด คราเมส ( Prof.Manfred Krames ) ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Lips ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๑๖ วันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๒