โดย อัษฎางค์ ยมนาค
ยุคต่อไปนี้
•หากใช้ AI ไม่เป็นอาจตกงาน หรือหางานทำไม่ได้
•คุณมี Skills การใช้ AI หรือยัง?
•Skills AI ในการทำงานคืออะไร?
มาหาคำตอบกัน
…………………………………………………………………………
ความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) คือความสามารถในการทำงานต่างๆ แทนมนุษย์หรือร่วมมือกับมนุษย์ โดย AI มีทักษะหลายด้านในการประมวลผลข้อมูล การเรียนรู้ และการตัดสินใจ เช่น
1. การประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analysis):
AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และซับซ้อนเพื่อค้นหารูปแบบหรือแนวโน้มที่สำคัญ ซึ่งอาจช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ การตลาด และการจัดการอื่นๆ
2. การทำงานอัตโนมัติ (Automation):
AI สามารถทำงานที่มีรูปแบบซ้ำๆ เช่น การตอบอีเมล การจัดการข้อมูล หรือกระบวนการทางธุรกิจโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดภาระงานของมนุษย์
3. การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning):
AI สามารถเรียนรู้จากข้อมูลหรือประสบการณ์ที่ผ่านมาเพื่อปรับปรุงการทำงานและตัดสินใจได้ดีขึ้น เช่น การทำนายความต้องการของลูกค้า หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์
4. การรู้จำภาพและเสียง (Image and Speech Recognition):
AI มีความสามารถในการแยกแยะและเข้าใจรูปภาพหรือเสียง ซึ่งนำไปใช้ในการระบุวัตถุในภาพ การตรวจสอบความปลอดภัย หรือการสั่งการด้วยเสียง
5. การสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support):
AI สามารถช่วยวิเคราะห์สถานการณ์และให้คำแนะนำในการตัดสินใจที่ซับซ้อน เช่น ในการแพทย์ AI อาจช่วยแพทย์วินิจฉัยโรคได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้น
6. การปรับปรุงกระบวนการผลิต (Optimization):
ในภาคการผลิตหรือบริการ AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการต่างๆ เช่น การจัดการคลังสินค้า หรือการวางแผนการผลิต
ทักษะของ AI สามารถปรับใช้ในหลายภาคส่วน ตั้งแต่การเงิน การแพทย์ ไปจนถึงการศึกษาและการผลิต
…………………………………………………………………………
มีข้อมูลที่ระบุว่า 74% ของผู้นำในประเทศไทย และ 66% ของผู้นำทั่วโลก ไม่ต้องการจ้างพนักงานที่ไม่มีทักษะด้าน AI แสดงถึงความสำคัญของทักษะปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในตลาดแรงงานปัจจุบัน
ซึ่งทักษะ AI ที่ผู้นำเหล่านี้ต้องการหมายถึง ความสามารถในการทำงานหรือประยุกต์ใช้ AI ในกระบวนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทักษะเหล่านี้ได้แก่
1. การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis and Interpretation):
ทักษะในการรวบรวม วิเคราะห์ และตีความข้อมูลโดยใช้เครื่องมือที่ใช้ AI เช่น การใช้ Machine Learning หรือการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)
2. การเขียนโปรแกรมและพัฒนา AI (AI Development and Programming):
ความสามารถในการเขียนโค้ดและสร้างแบบจำลอง AI โดยใช้ภาษาโปรแกรมเช่น Python, R, หรือภาษาอื่นๆ ที่นิยมใช้ในการพัฒนา Machine Learning หรือ Deep Learning
3. การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning):
ความสามารถในการออกแบบและใช้งานอัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง เพื่อให้ AI สามารถพัฒนาความแม่นยำในการทำงานต่างๆ ได้อย่างอัตโนมัติ เช่น การทำงานที่เกี่ยวกับการทำนายข้อมูล
4. การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing – NLP):
ทักษะในการพัฒนาและใช้งาน AI สำหรับการเข้าใจและประมวลผลภาษาที่มนุษย์ใช้ เช่น การพัฒนาแชทบอทหรือระบบช่วยเหลืออัตโนมัติที่เข้าใจภาษา
5. การประมวลผลภาพและเสียง (Computer Vision & Speech Recognition):
ความสามารถในการพัฒนา AI ที่สามารถเข้าใจภาพหรือเสียง เช่น การพัฒนาระบบรู้จำใบหน้า หรือการสร้างระบบจดจำเสียงเพื่อใช้ในธุรกิจ
6. จริยธรรมและความปลอดภัยของ AI (AI Ethics and Security):
ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อพิจารณาทางจริยธรรมและความปลอดภัยในการใช้งาน AI เพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูล หรือผลกระทบทางสังคม
7. การปรับแต่งและบูรณาการ AI เข้าสู่ธุรกิจ (AI Integration into Business):
ทักษะในการปรับใช้และบูรณาการ AI ในกระบวนการธุรกิจเพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ หรือตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็วขึ้น
8. การแก้ไขปัญหาและนวัตกรรมด้วย AI (Problem-Solving and Innovation using AI):
ความสามารถในการใช้ AI เพื่อแก้ไขปัญหาทางธุรกิจ หรือการคิดค้นนวัตกรรมที่ช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขัน
…………………………………………………………………………
การปรับแต่งและบูรณาการ AI เข้าสู่ธุรกิจและการแก้ไขปัญหาและนวัตกรรมด้วย AI
มีความสำคัญในยุคดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ โดยทั้งสองแนวทางนี้ต้องการความรู้และทักษะที่สามารถใช้ AI เพื่อสร้างคุณค่าและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ รวมถึงสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งจะต้องใช้เครื่องมือ AI อย่าง ChatGPT หรืออื่นๆ ในการทำงานด้วยเหตุผลดังนี้
1. การปรับแต่งและบูรณาการ AI เข้าสู่ธุรกิจ (AI Integration into
• การใช้ AI เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงาน:
ธุรกิจสามารถนำ AI มาช่วยในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล, การตอบสนองลูกค้า (เช่น chatbot), การพยากรณ์การตลาด หรือการจัดการโลจิสติกส์ เป็นต้น
• ปรับแต่ง AI ให้เข้ากับธุรกิจเฉพาะด้าน:
การสร้างระบบ AI ที่ตอบโจทย์ธุรกิจ เช่น ระบบแนะนำสินค้า, การวิเคราะห์ความเสี่ยงในตลาดการเงิน หรือการจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพสูง
• การเรียนรู้และปรับแต่งโมเดล AI:
ทักษะด้านการใช้ AI เพื่อให้ผลลัพธ์สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะของธุรกิจ การใช้เครื่องมืออย่าง ChatGPT ต้องอาศัยความรู้ในการตั้งคำถาม การปรับแต่งคำตอบ และการบูรณาการเข้ากับกระบวนการทำงานจริง
2. การแก้ไขปัญหาและนวัตกรรมด้วย AI (Problem-Solving and Innovation using AI)
• การใช้ AI ในการแก้ปัญหา:
AI สามารถช่วยในการวิเคราะห์ปัญหาจากข้อมูลขนาดใหญ่หรือสร้างโซลูชันใหม่ที่มนุษย์อาจมองข้าม ตัวอย่างเช่น ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มลูกค้าและสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด
• นวัตกรรมจาก AI:
นวัตกรรมใหม่เกิดจากการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ เช่น การสร้างระบบที่เรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้งานและปรับการให้บริการอย่างต่อเนื่อง (personalization), การใช้งานอัลกอริทึม deep learning ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อน
…………………………………………………………………………
ทักษะที่ควรพัฒนา
• การใช้เครื่องมือ AI เช่น ChatGPT:
ต้องมีทักษะในการตั้งคำถามอย่างมีประสิทธิภาพ, ปรับแต่งคำตอบเพื่อให้เหมาะสมกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข และนำ AI มาบูรณาการกับงานในชีวิตจริง
• พื้นฐานการวิเคราะห์ข้อมูล:
ควรมีความรู้ด้าน data analysis, machine learning, หรือ deep learning เพื่อนำ AI มาปรับปรุงการทำงานหรือสร้างนวัตกรรมใหม่
• ความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการแก้ปัญหา:
AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้มนุษย์สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้น แต่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการปรับใช้ให้เหมาะสม
…………………………………………………………………………
การตั้งคำถามกับ AI เช่น ChatGPT ให้มีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ที่ดีนั้นเป็นทักษะที่สามารถพัฒนาได้ โดยการฝึกตั้งคำถามที่ชัดเจน มีโครงสร้าง และมีเป้าหมายชัดเจน จะช่วยให้ AI ให้คำตอบที่ตรงประเด็นมากขึ้น ต่อไปนี้คือแนวทางและแหล่งข้อมูลในการฝึกทักษะนี้:
1. การฝึกฝนทักษะตั้งคำถามกับ AI
– เริ่มจากคำถามที่เฉพาะเจาะจง:
เมื่อคุณตั้งคำถาม ควรทำให้คำถามชัดเจนและเฉพาะเจาะจง เช่น แทนที่จะถามว่า “AI คืออะไร?” คุณอาจถามว่า “AI มีบทบาทสำคัญในธุรกิจด้านใดบ้าง?” ซึ่งจะทำให้ได้คำตอบที่ลึกซึ้งกว่า
• ใช้ภาษาที่ชัดเจนและกระชับ:
คำถามที่ซับซ้อนหรือมีหลายคำถามในประโยคเดียวอาจทำให้ AI สับสน การแบ่งคำถามเป็นประโยคย่อยๆ จะช่วยให้ AI เข้าใจได้ง่ายขึ้น เช่น แทนที่จะถามว่า “AI มีประโยชน์อย่างไรบ้างในธุรกิจและการศึกษา?” ควรถามว่า “AI มีประโยชน์อย่างไรในธุรกิจ?” และ “AI มีประโยชน์ในด้านการศึกษาอย่างไร?”
• ฝึกตั้งคำถามในหลายมุมมอง:
ลองตั้งคำถามเดียวกันในหลายๆ มุมมอง เช่น “ข้อดีของ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลคืออะไร?” และ “ความท้าทายที่มาพร้อมกับการใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลมีอะไรบ้าง?”
2. แหล่งข้อมูลในการพัฒนาทักษะการตั้งคำถาม
• หนังสือหรือหลักสูตรเกี่ยวกับ Critical Thinking:
การตั้งคำถามอย่างมีวิจารณญาณ (critical thinking) เป็นทักษะสำคัญในการทำงานกับ AI แนะนำให้ศึกษาเรื่องการคิดวิเคราะห์และการตั้งคำถามที่เน้นการเจาะลึกความรู้
• แนะนำหนังสือ เช่น “Asking the Right Questions: A Guide to Critical Thinking” โดย Neil Browne และ Stuart Keeley
• หลักสูตรออนไลน์เกี่ยวกับการใช้ AI หรือ ChatGPT:
– Coursera หรือ Udemyมีหลักสูตรที่สอนเกี่ยวกับการใช้งาน AI รวมถึงการใช้ ChatGPT โดยเฉพาะ
– หลักสูตรที่น่าสนใจ เช่น “Prompt Engineering for ChatGPT” ที่ช่วยให้เข้าใจวิธีการตั้งคำถามกับ AI อย่างมีประสิทธิภาพ
• ฟอรั่มและชุมชนออนไลน์:
– Reddit หรือ Stack Overflow เป็นชุมชนที่มีผู้ใช้งาน AI แลกเปลี่ยนเทคนิคการตั้งคำถาม
– การสังเกตและทดลองตามคำถามที่ผู้อื่นตั้ง จะช่วยให้คุณเรียนรู้และพัฒนาทักษะได้เร็วขึ้น
• การอ่านตัวอย่างการใช้งาน ChatGPT
– ดูตัวอย่างการใช้ AI จากบทความหรือบล็อกที่ให้ตัวอย่างคำถามและคำตอบจริง จะช่วยให้เข้าใจถึงวิธีการตั้งคำถามที่ดีและได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ
3. การตั้งคำถามแบบ Prompt Engineering
Prompt Engineering เป็นทักษะสำคัญที่เกี่ยวกับการออกแบบคำถามให้ AI ตอบได้ตรงตามที่ต้องการ ซึ่งมีเทคนิคต่างๆ เช่น
• การตั้งคำถามแบบแบ่งขั้นตอน:
การตั้งคำถามเป็นขั้นตอนหรือหลายประโยค เช่น แทนที่จะถาม “ทำไม AI ถึงสำคัญ?” คุณอาจแบ่งคำถามเป็นหลายขั้นตอน เช่น “AI มีประโยชน์อะไรบ้างในธุรกิจ?” แล้วตามด้วย “ยกตัวอย่างการใช้ AI ในธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ”
• การให้บริบท:
การให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือบริบทก่อนถามจะช่วยให้ AI เข้าใจมากขึ้น เช่น “สมมติว่าผมกำลังสร้างแอปพลิเคชันเพื่อช่วยจัดการทีมขายในองค์กร คำแนะนำในการใช้ AI คืออะไร?”
…………………………………………………………………………