ชาลี-กามิน กับแก๊งฟอกเงินใน TikTok มีจริงหรือไม่?
โดย อัษฎางค์ ยมนาค
……………………………………………………………………………..
เชื่อว่ามีหลายคนที่ผ่านตากับการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับข่าวชาลี-กามิน และขบวนการฟอกเงินผ่านแพลตฟอร์ม TikTok
จากการตรวจสอบเบื้องต้นของผม ข่าวหรือข้อมูลที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ แน็กชาลี และ กามิน ซึ่งอ้างถึงเรื่องการซักฟอกเงินและกิจกรรมที่มีการใช้ PK ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียโดยเชื่อมโยงกับอาชญากรรมข้ามชาติ ยังไม่สามารถหาหลักฐานสนับสนุนเรื่องราวนั้นได้ การประเมินความถูกต้องของข้อมูลประเภทนี้จึงจำเป็นต้องอ้างอิงจากสื่อหลักหรือหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งหมายความว่า ข่าวหรือข้อมูลนั้นอาจจะเป็นจริงหรืออาจจะไม่เป็นจริงก็ได้
อย่างไรก็ตาม จากการที่มีการพูดถึงเรื่องนี้มีข้อดีอยู่หนึ่งอย่างคือ ทำให้เราตื่นตัวกับขบวนการทำนองนี้ ทั้งปัญหาและการรับมือหรือแก้ไข โดยผมไปสืบหาหาข้อมาเบื้องต้นมานำเสนอเพื่อประดับความรู้
……………………………………………………………………………..
มีรายงานที่เชื่อมโยง TikTok กับการฟอกเงินและกิจกรรมที่ไม่ถูกต้องทางการเงิน โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับเอเจนซี่และการกระทำทุจริต ในตุรกี หน่วยงานตรวจสอบอาชญากรรมทางการเงินพบว่ามีการโอนเงินจำนวนมหาศาลผ่าน TikTok ไปยังบัญชีที่สงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและการสนับสนุนการก่อการร้าย ระบบของ TikTok เปิดให้ผู้ใช้ส่ง “ของขวัญ” ในระหว่างการสตรีมสด ซึ่งสามารถแปลงเป็นเงินจริงได้ ซึ่งถูกกลุ่มอาชญากรใช้ในการฟอกเงินโดยใช้บัตรเครดิตที่ถูกขโมยมา
(https://www.dailysabah.com/turkey/investigations/turkiye-takes-action-against-tiktok-money-laundering).
นอกจากนี้ TikTok ยังถูกจับตามองในประเทศต่างๆ เช่น ออสเตรเลียและไอร์แลนด์ เกี่ยวกับข้อกังวลเรื่องการฟอกเงินจากช่องทางการชำระเงินของแพลตฟอร์ม การสืบสวนในหลายประเทศเน้นถึงช่องโหว่ในกระบวนการตรวจสอบทางการเงิน ซึ่งอาจทำให้กิจกรรมที่ผิดกฎหมายสามารถเกิดขึ้นได้หากไม่มีการควบคุมที่มากพอ
(https://supplychainreport.org/tiktok-faces-scrutiny-over-payment-screening-practices/)
……………………………………………………………………………..
การเชื่อมโยงระหว่าง TikTok กับการฟอกเงินและกิจกรรมที่ไม่ถูกต้องทางการเงิน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา TikTok แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีชื่อเสียงระดับโลก ถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดเกี่ยวกับการมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการฟอกเงิน ซึ่งใช้ระบบ “การให้ของขวัญ” ผ่านการสตรีมสดเป็นเครื่องมือในการดำเนินการกิจกรรมดังกล่าว
วิธีการฟอกเงินผ่าน TikTok
TikTok อนุญาตให้ผู้ใช้ส่ง “ของขวัญ” ในรูปแบบดิจิทัลให้กับครีเอเตอร์ ซึ่งครีเอเตอร์สามารถแปลงเป็นเงินจริงได้ ปัญหาคือ กระบวนการนี้ถูกนำไปใช้โดยอาชญากรเพื่อฟอกเงิน โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้บัตรเครดิตที่ถูกขโมยมาเพื่อซื้อของขวัญและส่งต่อให้กับบัญชีที่สร้างขึ้นเพื่อล้างเงินให้เป็นเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย
(https://www.dailysabah.com/turkey/investigations/turkiye-takes-action-against-tiktok-money-laundering).
กรณีในตุรกีและการสืบสวน
ในตุรกี หน่วยงานตรวจสอบอาชญากรรมทางการเงินพบว่ามีการโอนเงินหลายล้านดอลลาร์ผ่าน TikTok ไปยังบัญชีที่สงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและการสนับสนุนการก่อการร้าย การสืบสวนแสดงให้เห็นว่ามีบางบัญชีที่แทบไม่มีผู้ติดตามแต่กลับได้รับของขวัญเป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นสัญญาณของการฟอกเงิน
(https://www.dailysabah.com/turkey/investigations/turkiye-takes-action-against-tiktok-money-laundering).
การสืบสวนในออสเตรเลีย
ในออสเตรเลีย TikTok ถูกสอบสวนเกี่ยวกับการฟอกเงินและช่องทางการชำระเงินที่ถูกนำไปใช้ในกิจกรรมที่ไม่ถูกต้อง ส.ว.เจมส์ แพตเตอร์สัน ของออสเตรเลียได้ส่งจดหมายเรียกร้องให้หน่วยงานตรวจสอบการฟอกเงินและการก่อการร้ายของประเทศ (AUSTRAC) สอบสวน TikTok เกี่ยวกับข้อกังวลทางการเงิน เนื่องจากการรายงานธุรกรรมเงินที่ไม่โปร่งใสผ่านแพลตฟอร์มนี้ยังคงดำเนินอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีความเกี่ยวข้องกับการใช้บัตรเครดิตที่ถูกขโมยมาซื้อของขวัญ
(https://supplychainreport.org/tiktok-faces-scrutiny-over-payment-screening-practices/).
กรณีในเกาหลีใต้
แม้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับเกาหลีใต้จะยังไม่ได้รับการเปิดเผยอย่างกว้างขวาง แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่แพลตฟอร์ม TikTok อาจถูกนำไปใช้ในรูปแบบที่คล้ายคลึงกันในประเทศ เนื่องจากกลุ่มอาชญากรสามารถใช้ระบบดิจิทัลเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของหน่วยงานทางการเงิน โดยเฉพาะการซักฟอกเงินผ่านธุรกรรมทางออนไลน์ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้ในหลายประเทศ
ข้อสรุป
TikTok กลายเป็นเป้าหมายของการตรวจสอบในหลายประเทศเกี่ยวกับการฟอกเงินและการใช้ระบบการให้ของขวัญผ่านสตรีมสดเพื่อล้างเงิน การสืบสวนยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยหลายประเทศได้ออกมาตรการเพื่อป้องกันการใช้แพลตฟอร์มในการดำเนินกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย
……………………………………………………………………………..
ปัญหาการฟอกเงินและกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมายไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะใน TikTok เท่านั้น แต่ยังพบในแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Facebook และ YouTube ด้วย
1. Facebook:
Facebook ถูกใช้งานในหลายกรณีที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน โดยมิจฉาชีพสามารถใช้แพลตฟอร์มเพื่อหลอกลวงผู้คนผ่านการโฆษณาปลอมหรือกิจกรรมการระดมทุน ซึ่งเงินที่ได้มาจากกิจกรรมเหล่านี้มักจะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การสนับสนุนองค์กรอาชญากรรมหรือการหลบหนีภาษี นอกจากนี้ Facebook Marketplace ยังถูกใช้ในการทำธุรกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน
(https://supplychainreport.org/tiktok-faces-scrutiny-over-payment-screening-practices/).
2. YouTube:
YouTube ก็เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ถูกนำไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายเช่นกัน โดยเฉพาะการใช้ระบบการให้เงินสนับสนุนผ่าน Super Chat หรือการบริจาคระหว่างการสตรีมสด ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดการฟอกเงินได้ผ่านการบริจาคที่ไม่โปร่งใส นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการใช้ YouTube ในการโฆษณาสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการหลอกลวงให้ลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีอยู่จริง
(https://www.dailysabah.com/turkey/investigations/turkiye-takes-action-against-tiktok-money-laundering).
สรุป:
ปัญหาการฟอกเงินและกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมายพบในหลายแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ ทั้ง Facebook, YouTube และ TikTok โดยผู้ไม่หวังดีมักใช้ช่องทางดิจิทัลเหล่านี้เพื่อทำธุรกรรมที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งจำเป็นต้องมีการควบคุมและตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันการกระทำที่ผิดกฎหมาย
……………………………………………………………………………..
ผู้ใช้งานแพลทฟอร์มต่างๆ ดังกล่าวมีวิธีป้องกันตัวอย่างไร และมีหน่วยงานใดดำเนินการกับปัญหาเหล่านี้บ้าง และอย่างไร?
การป้องกันตัวจากการถูกหลอกลวงหรือการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การฟอกเงิน สามารถทำได้หลายวิธี โดยผู้ใช้งานต้องระมัดระวังและมีความรู้เกี่ยวกับการใช้งานแพลตฟอร์มอย่างปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ ดังนี้:
วิธีป้องกันตัวสำหรับผู้ใช้งาน:
1. ตรวจสอบแหล่งที่มาของธุรกรรม:
หากมีการร้องขอให้ส่งเงินหรือบริจาคผ่านแพลตฟอร์ม ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบัญชีหรือแหล่งที่มาของคำร้องเสมอ อย่าทำธุรกรรมทางการเงินกับบุคคลหรือบัญชีที่ไม่รู้จักหรือไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน
2. ระวังการหลอกลวงด้วยการโฆษณา:
ผู้ใช้งานควรระวังการคลิกโฆษณาที่ดูน่าสงสัยบนแพลตฟอร์ม เช่น โฆษณาสินค้าราคาถูกเกินจริง หรือโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนที่อาจเป็นการหลอกลวง
3. ไม่แชร์ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงิน:
หลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลบัตรเครดิตหรือข้อมูลการเงินกับบุคคลหรือบริการที่ไม่น่าเชื่อถือ รวมถึงระวังการให้ข้อมูลในแพลตฟอร์มสาธารณะ เช่น การสตรีมสด หรือในแอปพลิเคชันที่ไม่มั่นใจว่าปลอดภัย
4. ตั้งค่าความปลอดภัยสูงสุด:
ใช้การตั้งค่าความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น การยืนยันตัวตนสองชั้น (Two-Factor Authentication) เพื่อป้องกันการเข้าถึงบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต
5. ระวังการฟอกเงินผ่านของขวัญดิจิทัล:
การได้รับของขวัญในแพลตฟอร์ม เช่น TikTok, YouTube หรือแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่น ๆ ควรระวัง หากของขวัญหรือการสนับสนุนที่ได้รับมาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจเป็นส่วนหนึ่งของการฟอกเงิน
หน่วยงานที่ดำเนินการกับปัญหานี้:
1. หน่วยงานป้องกันการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering – AML):
หน่วยงานในแต่ละประเทศ เช่น AUSTRAC ในออสเตรเลีย และ MASAK ในตุรกี มีหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการฟอกเงินที่เกิดขึ้นผ่านธุรกรรมดิจิทัล โดยทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ในการตรวจสอบธุรกรรมที่น่าสงสัย
(https://www.dailysabah.com/turkey/investigations/turkiye-takes-action-against-tiktok-money-laundering).
2. หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค:
หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคในหลายประเทศ เช่น Federal Trade Commission (FTC) ในสหรัฐฯ มีบทบาทในการให้คำแนะนำและดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มที่ละเมิดสิทธิของผู้บริโภค หรือปล่อยให้มีการหลอกลวงเกิดขึ้น
3. แพลตฟอร์มเอง:
แพลตฟอร์มเช่น TikTok, Facebook และ YouTube เองก็มีหน้าที่ในการป้องกันการใช้แพลตฟอร์มเพื่อกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย โดยการเพิ่มระบบตรวจสอบธุรกรรม การจัดการกับบัญชีที่น่าสงสัย และการปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน
สรุป:
การป้องกันตัวจากการฟอกเงินและกิจกรรมที่ผิดกฎหมายบนแพลตฟอร์มดิจิทัลต้องอาศัยการระมัดระวังในการทำธุรกรรม และการเข้าใจถึงวิธีการที่อาชญากรใช้ในปัจจุบัน นอกจากนี้ หน่วยงานป้องกันการฟอกเงินในแต่ละประเทศและแพลตฟอร์มออนไลน์มีหน้าที่ในการตรวจสอบและจัดการกับปัญหานี้อย่างเข้มงวด
……………………………………………………………………………..