โดย อัษฎางค์ ยมนาค
ทหารมีไว้ทำไม?
อาจจะต้องอ่านกันยาวสักหน่อย แต่อ่านให้จบแล้วคุณจะได้คำตอบ เอาไว้ตอบคนที่ตั้งคำถามว่า “ทหารมีไว้ทำไม ในเมื่อสมัยนี้เขาไม่รบกันแล้ว”
……………………………………………………………………………
การมีทหารเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาความมั่นคงของประเทศในหลายมิติ ทั้งในด้านการป้องกันภัยคุกคามจากภายนอก การรักษาความสงบเรียบร้อยภายใน และการสนับสนุนการดำเนินงานในสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ บทบาทของทหารไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสู้รบระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทในด้านอื่น ๆ อีกมากมาย
ถึงแม้ประเทศไทยจะไม่มีสงครามในปัจจุบัน แต่การมี กองทัพที่แข็งแกร่งและทันสมัย ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย ด้วยเหตุผลหลายประการ ดังนี้
1. ป้องกันประเทศจากภัยคุกคามภายนอก
หนึ่งในภารกิจหลักของกองทัพคือการปกป้องประเทศจากการรุกรานจากภายนอก การที่ประเทศมีทหารที่พร้อมและแข็งแกร่งจะเป็นการสร้างแรงยับยั้งไม่ให้ประเทศอื่นรุกรานหรือทำการโจมตี
2. รักษาความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศ
ทหารมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของประเทศ และทำให้มั่นใจว่าประเทศมีสิทธิในการกำหนดนโยบายและดำเนินกิจการภายในประเทศของตนเองโดยปราศจากการแทรกแซงจากภายนอก ความมั่นคงทางทหารช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับประเทศและป้องกันไม่ให้มีการละเมิดอำนาจอธิปไตยจากต่างชาติ
3. ตอบสนองต่อภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉิน
นอกจากภารกิจทางทหารแล้ว กองทัพยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนในกรณีเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม พายุ หรือไฟป่า ทหารสามารถเข้าไปช่วยกู้ภัยและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากกองทัพมีทรัพยากรและความสามารถในการเคลื่อนย้ายกำลังพลและอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็ว
การตอบสนองต่อ “ภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉิน“ เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของกองทัพไทย โดยเฉพาะเมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจสร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การที่กองทัพมีความพร้อมในการปฏิบัติการช่วยเหลือในสถานการณ์เหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและสนับสนุนการฟื้นตัวของประเทศในเวลาที่รวดเร็ว
ภารกิจของกองทัพไทยในการตอบสนองต่อภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉิน
A. การตอบสนองต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ
– ตัวอย่างภัยพิบัติทางธรรมชาติในประเทศไทย ประเทศไทยเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายรูปแบบ เช่น น้ำท่วม ดินถล่ม พายุ และไฟป่า เหตุการณ์เหล่านี้มักสร้างความเสียหายแก่ประชาชนในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและเขตเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น พื้นที่การเกษตรและเมืองเศรษฐกิจ
– บทบาทของกองทัพไทย เมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี 2554 หรือล่าสุดที่ภาคเหนือ กองทัพมีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งหน่วยกู้ภัยและบรรเทาสาธารณภัย โดยใช้ทรัพยากรของกองทัพ เช่น กำลังพล ยานพาหนะ อุปกรณ์ขนย้าย และระบบสื่อสารในการช่วยอพยพผู้คนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการส่งเสบียงอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นให้กับผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก นอกจากนี้ กองทัพยังช่วยในการฟื้นฟูพื้นที่หลังจากน้ำท่วม เช่น การซ่อมแซมถนน การจัดการสิ่งกีดขวาง และการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน
B. การจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉิน
– นอกเหนือจากภัยพิบัติทางธรรมชาติแล้ว สถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การก่อการร้าย การก่อเหตุร้าย หรือความรุนแรงในพื้นที่บางแห่ง ก็เป็นภัยคุกคามที่ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
– บทบาทของกองทัพไทย กองทัพมักถูกเรียกใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น เมื่อเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายในภาคใต้ หรือการระบาดของโรคระบาดอย่างรุนแรง เช่น การระบาดของ COVID-19 กองทัพมีบทบาทในการสนับสนุนการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาด การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม การขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ และการประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อให้การควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
C. การช่วยเหลือในกรณีภัยพิบัติจากการกระทำของมนุษย์
– ตัวอย่างภัยพิบัติที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์: เหตุการณ์เช่น การระเบิดในโรงงานอุตสาหกรรม อุบัติเหตุใหญ่บนท้องถนน หรือการเกิดเหตุเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ ถือเป็นภัยพิบัติที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
– บทบาทของกองทัพไทย กองทัพมีความพร้อมในการส่งกำลังพลและทรัพยากรเข้าไปยังพื้นที่ที่เกิดเหตุภัยพิบัติ เช่น การสนับสนุนการดับเพลิง ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ และจัดการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ กองทัพยังสามารถจัดตั้งศูนย์ประสานงานและศูนย์ช่วยเหลือชั่วคราวเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ภัยพิบัติ
D. การฟื้นฟูหลังเกิดภัยพิบัติ
– การฟื้นฟูทางกายภาพ หลังจากเหตุการณ์ภัยพิบัติ กองทัพไทยมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย เช่น การเคลื่อนย้ายซากปรักหักพัง การซ่อมแซมถนน สะพาน และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ที่ถูกทำลาย กองทัพสามารถใช้เครื่องจักรหนัก ยานพาหนะ และกำลังคนในการทำงานเหล่านี้ เพื่อให้พื้นที่กลับมาใช้งานได้ตามปกติ
– การฟื้นฟูทางจิตใจและสังคม นอกจากการฟื้นฟูทางกายภาพแล้ว กองทัพยังมีบทบาทในการช่วยเหลือทางจิตใจให้กับผู้ประสบภัย เช่น การจัดกิจกรรมสันทนาการ หรือการให้คำปรึกษากับประชาชนที่ประสบปัญหาจากเหตุการณ์ภัยพิบัติ
C. การฝึกซ้อมเพื่อเตรียมความพร้อม
– การฝึกซ้อมเพื่อเตรียมรับมือกับภัยพิบัติ กองทัพไทยมักมีการฝึกซ้อมเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยร่วมมือกับหน่วยงานรัฐและหน่วยงานท้องถิ่น เช่น การฝึกซ้อมในการรับมือกับแผ่นดินไหว การอพยพผู้คนจากเหตุการณ์น้ำท่วม หรือการควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินจากการแพร่ระบาดของโรค การฝึกซ้อมเหล่านี้ช่วยให้กองทัพและหน่วยงานต่าง ๆ มีการเตรียมความพร้อมในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเกิดภัยพิบัติจริง
ผลกระทบต่อประเทศและประชาชน
A. การช่วยลดความสูญเสีย
การที่กองทัพไทยมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติและสถานการณ์ฉุกเฉินช่วยลดความสูญเสียทั้งในด้านชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การที่กองทัพมีการตอบสนองที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพช่วยป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลง
B. สร้างความเชื่อมั่นในภาครัฐ
กองทัพเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ประชาชนสามารถพึ่งพาได้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ความสามารถของกองทัพในการช่วยเหลือและจัดการภัยพิบัติอย่างมีประสิทธิภาพช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความพร้อมในการจัดการกับวิกฤต
C. การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและสังคม
การฟื้นฟูที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพช่วยให้ประเทศกลับสู่สภาวะปกติได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชน
กองทัพไทยมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองต่อภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งครอบคลุมทั้งการช่วยเหลือ การอพยพ การฟื้นฟู และการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับวิกฤตต่าง ๆ การที่กองทัพมีทรัพยากรที่พร้อมใช้งานและความสามารถในการจัดการสถานการณ์เหล่านี้ช่วยลดความเสียหายและเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
4. การป้องกันภัยคุกคามใหม่
ในยุคปัจจุบัน ภัยคุกคามไม่ได้จำกัดแค่สงครามแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังมีภัยคุกคามทางไซเบอร์ การก่อการร้าย และการโจมตีทางเศรษฐกิจ ทหารจึงมีบทบาทในการป้องกันและตอบสนองต่อภัยคุกคามในรูปแบบเหล่านี้ เช่น การป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ที่อาจทำลายโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ หรือการต่อต้านการก่อการร้ายที่อาจคุกคามความมั่นคงภายในประเทศ
“ภัยคุกคามใหม่” เช่น การก่อการร้าย, การโจมตีทางไซเบอร์, การจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติ, และการโจมตีทางเศรษฐกิจ เป็นภัยคุกคามที่ทันสมัยและซับซ้อน ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะการสู้รบทางทหารแบบดั้งเดิม แต่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในหลายมิติ ภารกิจของกองทัพในปัจจุบันจึงไม่ได้จำกัดเพียงการสู้รบทางทหารระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรับมือกับภัยคุกคามในรูปแบบเหล่านี้ด้วย
A. ภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cybersecurity)
– การโจมตีทางไซเบอร์สามารถทำลายโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น ระบบไฟฟ้า น้ำประปา การเงิน และการคมนาคม การป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการโจมตีในลักษณะนี้อาจทำให้ประเทศหยุดชะงักโดยไม่จำเป็นต้องใช้กำลังทหารทางกายภาพ
– บทบาทของกองทัพ หลายประเทศได้พัฒนาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันภัยไซเบอร์ในกองทัพ เช่น การสร้างหน่วยงาน Cyber Command เพื่อป้องกันและรับมือการโจมตีทางไซเบอร์ กองทัพจึงมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ เนื่องจากต้องปกป้องโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ
C. การก่อการร้าย (Terrorism)
– ความสำคัญ: การก่อการร้ายไม่ใช่เพียงการโจมตีทางกายภาพ แต่ยังสร้างความหวาดกลัวและความไม่มั่นคงทางสังคม ภารกิจของกองทัพในปัจจุบันจึงครอบคลุมถึงการป้องกันและต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายทั้งในและนอกประเทศ
– บทบาทของกองทัพ: กองทัพหลายประเทศมีหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่มุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย การประสานงานกับหน่วยงานข่าวกรองและการป้องกันไม่ให้กลุ่มก่อการร้ายสามารถเข้าถึงหรือทำลายทรัพยากรสำคัญ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน หรืออาวุธที่เป็นอันตราย
D. ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (Natural Disasters)
– ความสำคัญ: ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม และพายุ สามารถสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อประเทศ กองทัพมักถูกเรียกใช้ในภารกิจช่วยเหลือและกู้ภัยในกรณีที่เกิดภัยพิบัติ เนื่องจากกองทัพมีทรัพยากรที่พร้อมและมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายและจัดการสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
– บทบาทของกองทัพ: การสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ การอพยพผู้คน และการแจกจ่ายเสบียงอาหารและอุปกรณ์จำเป็นเป็นสิ่งที่กองทัพทำได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ฉุกเฉิน
E. การโจมตีทางเศรษฐกิจ (Economic Warfare)
– ความสำคัญ: การโจมตีทางเศรษฐกิจ เช่น การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ, การโจมตีในตลาดการเงิน หรือการขัดขวางการขนส่งสินค้า สามารถส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง การป้องกันไม่ให้ศัตรูใช้มาตรการทางเศรษฐกิจเป็นอาวุธเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาความมั่นคงของประเทศ
– บทบาทของกองทัพ: การปกป้องเส้นทางการค้าและทรัพยากรสำคัญ เช่น พลังงานและวัตถุดิบ กองทัพสามารถมีบทบาทในการป้องกันการถูกโจมตีทางเศรษฐกิจ เช่น การรักษาความปลอดภัยของท่าเรือและเส้นทางการคมนาคมทางทะเล
F. ภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ๆ
– ความสำคัญ: การพัฒนาเทคโนโลยีทางทหารใหม่ เช่น โดรน, AI, อาวุธอัตโนมัติ, และเทคโนโลยีอวกาศ กำลังเปลี่ยนแปลงรูปแบบของสงครามในอนาคต การที่กองทัพปรับตัวและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองภัยคุกคามใหม่เหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ
– บทบาทของกองทัพ: การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยและการป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ กองทัพควรเป็นผู้นำในการพัฒนาและนำเทคโนโลยีไปใช้ในการป้องกันภัยคุกคามสมัยใหม่
แม้ในยุคปัจจุบันจะไม่มีการสู้รบระหว่างประเทศแบบดั้งเดิมบ่อยนัก แต่ภัยคุกคามใหม่ที่เกิดขึ้น เช่น การโจมตีทางไซเบอร์ การก่อการร้าย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นเรื่องที่กองทัพควรให้ความสำคัญ กองทัพมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและรับมือภัยคุกคามในรูปแบบที่ทันสมัยเหล่านี้ เพื่อรักษาความมั่นคงและเสถียรภาพของประเทศ การเตรียมความพร้อมทางทหารในรูปแบบที่ครอบคลุมถึงภัยคุกคามใหม่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ แม้จะไม่มีการสู้รบทางกายภาพระหว่างประเทศ
……………………………………………………………
5. สนับสนุนภารกิจทางการทูตและการรักษาสันติภาพ
ทหารบางครั้งมีบทบาทในภารกิจทางการทูต โดยการเป็นตัวแทนในการรักษาสันติภาพหรือช่วยเหลือในประเทศที่ประสบปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ กองทัพอาจถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจร่วมกับกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ (UN) เพื่อสร้างความมั่นคงและรักษาสันติภาพในพื้นที่ที่เกิดสงครามหรือความขัดแย้ง
6. การปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
ทหารมีบทบาทในการปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ เช่น การปกป้องเส้นทางการค้า การรักษาความปลอดภัยของท่าเรือและแหล่งทรัพยากรที่สำคัญ เช่น น้ำมัน หรือแร่ธาตุที่มีมูลค่า การรักษาความมั่นคงในเขตเศรษฐกิจสำคัญเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
การปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของกองทัพ เพราะเศรษฐกิจเป็นฐานรากของความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าของประเทศ การปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไม่เพียงเกี่ยวข้องกับการป้องกันภัยจากภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรักษาความปลอดภัยและเสถียรภาพในประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจดำเนินไปอย่างราบรื่น ตัวอย่างของการปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในกรณีของประเทศไทยมีดังนี้:
A. การรักษาความปลอดภัยทางทะเล
– ตัวอย่าง: ทะเลเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญของประเทศไทย เช่น การประมง การท่องเที่ยว และการขนส่งสินค้า การรักษาความปลอดภัยในน่านน้ำจึงเป็นสิ่งสำคัญ กองทัพเรือมีบทบาทสำคัญในการปกป้องเส้นทางการค้าและป้องกันการละเมิดกฎหมายทางทะเล เช่น การลักลอบทำประมงผิดกฎหมาย การขนส่งยาเสพติด หรือการค้ามนุษย์
– การปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ: กองทัพเรือไทยมีบทบาทในการปกป้องน่านน้ำที่ใช้ในการขนส่งสินค้า ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ นอกจากนี้ กองทัพเรือยังทำหน้าที่ป้องกันการประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทางทะเลและทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ
B . การปกป้องแหล่งพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ
– ตัวอย่าง: ประเทศไทยมีแหล่งพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ เช่น แหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักสำหรับการผลิตไฟฟ้า การปกป้องแหล่งพลังงานเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ
– การปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ: กองทัพเรือไทยมีบทบาทในการรักษาความปลอดภัยของแหล่งพลังงานในอ่าวไทย ป้องกันการละเมิดสิทธิ์ในพื้นที่ทางทะเล รวมถึงการปกป้องท่อก๊าซและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญทางพลังงานจากการก่อวินาศกรรมหรือภัยคุกคามจากภายนอก
C. การปกป้องโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ
– ตัวอย่าง: โครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามบิน ท่าเรือ และสถานีไฟฟ้า เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ การโจมตีหรือก่อวินาศกรรมต่อโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้อาจทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศ
– การปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ: กองทัพบกและกองทัพอากาศมีหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยและปกป้องโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศในยามที่เกิดวิกฤตการณ์ เช่น การป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ต่อระบบควบคุมโครงสร้างพื้นฐาน การรักษาความปลอดภัยในสถานีไฟฟ้าหรือโรงไฟฟ้าหลัก ๆ ที่เป็นแหล่งพลังงานสำคัญสำหรับเศรษฐกิจ
D. การรักษาความสงบเรียบร้อยในสถานการณ์ฉุกเฉิน
– ตัวอย่าง: ในสถานการณ์วิกฤตที่มีการประท้วงหรือความไม่สงบภายในประเทศ กองทัพมักถูกเรียกใช้เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย การที่ประเทศมีเสถียรภาพทางการเมืองและสังคมเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
– การปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ: การรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ทำให้เศรษฐกิจสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างปกติ การที่ประเทศมีเสถียรภาพทางการเมืองและสังคมยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นในระดับนานาชาติและช่วยกระตุ้นการลงทุนจากต่างชาติ
E. การรักษาความปลอดภัยในเขตเศรษฐกิจพิเศษ
– ตัวอย่าง: เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนและโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เป็นพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างเข้มข้น การรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญต่อการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ
– การปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ: กองทัพมีบทบาทในการรักษาความปลอดภัยในเขตเศรษฐกิจพิเศษเหล่านี้ เพื่อป้องกันการก่อวินาศกรรมหรือการกระทำที่อาจขัดขวางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ
F. การป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่อระบบการเงิน
– ตัวอย่าง: ในยุคดิจิทัล การโจมตีทางไซเบอร์ที่มุ่งโจมตีระบบการเงินและธนาคาร หรือโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจเป็นภัยคุกคามที่รุนแรง เช่น การโจมตีระบบโอนเงินระหว่างธนาคาร, การขโมยข้อมูลบัตรเครดิต, หรือการแฮ็กระบบของบริษัทหรือหน่วยงานที่สำคัญของประเทศ เหตุการณ์เหล่านี้อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทย ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในระบบการเงินของประเทศ และสร้างความเสียหายทั้งในระดับบุคคลและระดับชาติ
– การปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ: กองทัพไทย โดยเฉพาะหน่วยงานทางทหารที่รับผิดชอบด้านไซเบอร์ เช่น “หน่วยปฏิบัติการไซเบอร์” มีบทบาทสำคัญในการป้องกันและเฝ้าระวังการโจมตีทางไซเบอร์ กองทัพสามารถทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแฮ็กหรือการโจมตีต่อระบบการเงิน การป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์เป็นสิ่งสำคัญมากในยุคนี้ เพราะเศรษฐกิจดิจิทัลกำลังมีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตของประเทศไทย
G. การควบคุมพื้นที่ชายแดนและการขนส่งสินค้า
– ตัวอย่าง: ประเทศไทยมีพื้นที่ชายแดนที่ติดกับหลายประเทศ เช่น เมียนมา ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย การรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด หรือการลักลอบนำเข้าสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษี การค้าชายแดนถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญต่อเศรษฐกิจในหลายจังหวัดของไทย เช่น เชียงราย หนองคาย และสระแก้ว ซึ่งมีจุดผ่านแดนที่สำคัญ
– การปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ: กองทัพบกไทยมีบทบาทสำคัญในการเฝ้าระวังและป้องกันการลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมาย รวมถึงการป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีในพื้นที่ชายแดน การรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เหล่านี้ยังช่วยส่งเสริมการค้าชายแดนที่ถูกกฎหมายและเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ การควบคุมการลักลอบขนสินค้าเหล่านี้ยังช่วยลดความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการสูญเสียรายได้จากภาษี
H. การปกป้องเขตเศรษฐกิจพิเศษทางทะเล (EEZ)
– ตัวอย่าง: เขตเศรษฐกิจพิเศษทางทะเล (Exclusive Economic Zone, EEZ) ของไทยในอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ เช่น การทำประมง ก๊าซธรรมชาติ และการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังมีทรัพยากรทางทะเลที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้อย่างมหาศาล แต่ก็มีความเสี่ยงจากการละเมิดโดยต่างชาติ เช่น การทำประมงผิดกฎหมาย หรือการละเมิดเขตแดนเพื่อแสวงหาทรัพยากรทางทะเล
– การปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ: กองทัพเรือไทยมีหน้าที่ปกป้อง EEZ โดยการเฝ้าระวังและป้องกันการละเมิดเขตเศรษฐกิจพิเศษทางทะเล รวมถึงการจับกุมเรือประมงต่างชาติที่ทำประมงผิดกฎหมาย การรักษาความปลอดภัยในเขตทะเลเหล่านี้ช่วยรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญและเสริมสร้างความยั่งยืนของอุตสาหกรรมประมงและพลังงานทางทะเลของไทย นอกจากนี้ การปกป้องการท่องเที่ยวทางทะเลและชายฝั่งก็เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้หลักของประเทศ
I. การรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อุตสาหกรรมและการลงทุน
– ตัวอย่าง: ประเทศไทยมีนิคมอุตสาหกรรมที่สำคัญหลายแห่ง เช่น ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยอง และชลบุรี ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมหนัก เช่น ปิโตรเคมี และยานยนต์ การรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมเป็นแหล่งที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ
– การปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ: กองทัพมีบทบาทในการป้องกันการก่อวินาศกรรม การละเมิดความปลอดภัย และการสร้างความไม่สงบในพื้นที่อุตสาหกรรมเหล่านี้ เพื่อให้การดำเนินงานทางอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างราบรื่นและต่อเนื่อง นอกจากนี้ การรักษาความปลอดภัยในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนจากต่างประเทศ และเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะประเทศที่เหมาะสมกับการลงทุน
J. การป้องกันและฟื้นฟูจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ
– ตัวอย่าง: ประเทศไทยเป็นประเทศที่เผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายรูปแบบ เช่น น้ำท่วม พายุ และไฟป่า ซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและชีวิตของประชาชนโดยตรง การรับมือกับภัยพิบัติเหล่านี้ต้องการการดำเนินงานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เช่น พื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่อุตสาหกรรม
– การปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ: กองทัพไทยมีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูหลังเกิดภัยพิบัติ โดยการสนับสนุนการเคลื่อนย้ายประชาชน การแจกจ่ายอาหารและสิ่งของจำเป็น การซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย เช่น ถนนหรือสะพาน การฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังภัยพิบัติอย่างรวดเร็วช่วยลดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ และทำให้ประชาชนกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติในเวลาอันสั้น
กองทัพไทยมีบทบาทสำคัญในการปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ในหลากหลายมิติ เช่น การป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ การเฝ้าระวังและรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนและเขตทะเล การป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อุตสาหกรรม ความสามารถในการปกป้องผลประโยชน์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ แต่ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนและภาคธุรกิจ ทำให้ประเทศไทยสามารถเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน
……………………………………………………………
7. สร้างความเชื่อมั่นและเสถียรภาพภายในประเทศ
การมีกองทัพที่เข้มแข็งสามารถช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และส่งเสริมให้เกิดความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เกิดความไม่มั่นคงหรือการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามต่าง ๆ กองทัพสามารถช่วยรักษาความสงบเรียบร้อยและเสถียรภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความเชื่อมั่นและเสถียรภาพภายในประเทศ หมายถึง การสร้างความมั่นคงทั้งทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นในประเทศ ทำให้ประชาชนและภาคเอกชนรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจในการดำเนินชีวิตและธุรกิจ ความเสถียรภาพนี้ยังช่วยส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
ในกรณีของประเทศไทย การสร้างความเชื่อมั่นและเสถียรภาพภายในประเทศเกี่ยวข้องกับหลายมิติ เช่น การรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคม เสถียรภาพทางการเมือง และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนและพัฒนาเศรษฐกิจในด้านนี้ กองทัพไทยมีบทบาทที่สำคัญในการรักษาความมั่นคงของประเทศและสนับสนุนการสร้างความเชื่อมั่นทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ
ตัวอย่างการสร้างความเชื่อมั่นและเสถียรภาพภายในประเทศของกองทัพไทย:
A. การรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคม
– กองทัพไทยมักถูกเรียกใช้ในการรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงเวลาที่เกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองหรือความขัดแย้งในสังคม โดยเฉพาะในกรณีที่มีการประท้วงขนาดใหญ่หรือความรุนแรงที่อาจทำให้เกิดความวุ่นวาย กองทัพมีหน้าที่ในการเข้ามาช่วยรักษาความสงบและป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลาย การมีเสถียรภาพทางการเมืองและสังคมช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งประชาชนและนักลงทุนต่างชาติ
B. การสนับสนุนการเลือกตั้งและการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง
– ในหลายกรณี กองทัพมีบทบาทในการสนับสนุนกระบวนการเลือกตั้งและการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองอย่างสันติ โดยทำหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยและป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงหรือการแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้ง การมีเสถียรภาพทางการเมืองทำให้ประเทศสามารถดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นในสายตาประชาคมโลกได้
C. การสนับสนุนในการรับมือกับภัยพิบัติและเหตุการณ์ฉุกเฉิน
– กองทัพไทยมีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนประชาชนในช่วงที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม หรือแผ่นดินไหว ซึ่งทำให้เกิดความมั่นคงทางสังคม และประชาชนรู้สึกมั่นใจว่ารัฐบาลมีความพร้อมในการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน การรับมือกับภัยพิบัติอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพช่วยลดความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ประเทศสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
D. การป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกและภายใน
– การป้องกันการก่อการร้าย การค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด และการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย เป็นอีกบทบาทหนึ่งของกองทัพที่ช่วยสร้างความมั่นคงให้กับประเทศไทย ความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามเหล่านี้ช่วยสร้างเสถียรภาพภายในประเทศ ทำให้ประชาชนและภาคธุรกิจมีความมั่นใจในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างปลอดภัย
E. การเสริมสร้างความมั่นคงในเขตเศรษฐกิจพิเศษ
– ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สำคัญต่อการดึงดูดการลงทุน กองทัพมีบทบาทในการรักษาความปลอดภัยและป้องกันการก่อวินาศกรรมหรือการกระทำที่อาจเป็นอันตรายต่อการลงทุน การที่ประเทศมีความปลอดภัยและเสถียรภาพในพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญนี้ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
F. ผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ:
– การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ: เมื่อประเทศมีเสถียรภาพทางการเมืองและสังคม นักลงทุนต่างชาติมักจะมั่นใจมากขึ้นในการเข้ามาลงทุน เพราะพวกเขามองว่าประเทศสามารถรักษาความมั่นคงและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความไม่สงบ การที่ประเทศไทยสามารถรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ได้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยดึงดูดการลงทุน
– การส่งเสริมการท่องเที่ยว: ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก การรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและพื้นที่ทางเศรษฐกิจทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ
– การพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว: การมีเสถียรภาพภายในประเทศช่วยให้รัฐบาลสามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาความไม่สงบทางการเมืองหรือความขัดแย้งภายใน การที่ประเทศมีเสถียรภาพทางการเมืองทำให้สามารถวางแผนและดำเนินนโยบายเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้างความเชื่อมั่นและเสถียรภาพภายในประเทศมีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ กองทัพไทยมีบทบาทสำคัญในการรักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันภัยคุกคามทั้งภายในและภายนอกประเทศ การที่ประเทศมีเสถียรภาพทางการเมือง สังคม และความมั่นคงจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและภาคธุรกิจ ทำให้ประเทศสามารถพัฒนาและก้าวหน้าได้อย่างยั่งยืน
การลดขนาดกองทัพ จะทำให้ชาติประหยัดงบประมาณ และงบประมาณส่วนกองทัพ นำไปพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ชาติเจริญก้าวหน้า แบบนี้ถูกต้องหรือไม่?
การลดขนาดกองทัพหรือการไม่มีกำลังทหารสามารถช่วยให้ชาติประหยัดงบประมาณและนำเงินส่วนนั้นไปใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้ในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติ การตัดสินใจลดงบประมาณทางทหารและนำไปใช้ในด้านอื่นต้องพิจารณาถึงปัจจัยหลายประการ รวมถึงความมั่นคงของประเทศ ภูมิรัฐศาสตร์ และสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ การลดกำลังทหารมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้:
ข้อดีของการลดงบประมาณทางทหาร:
A. การประหยัดงบประมาณ: การลดขนาดกองทัพหรือยกเลิกโครงการทางทหารที่มีค่าใช้จ่ายสูงอาจทำให้รัฐสามารถประหยัดเงินได้มาก ซึ่งสามารถนำงบประมาณเหล่านั้นไปใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา สาธารณสุข และการพัฒนาทางสังคมได้ การลงทุนในด้านเหล่านี้อาจช่วยสร้างความเจริญก้าวหน้าในระยะยาวและทำให้ประเทศมีความเข้มแข็งจากภายใน
B. การส่งเสริมการพัฒนาในด้านอื่น ๆ: งบประมาณที่ถูกนำมาใช้พัฒนาการศึกษา การวิจัย นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน สามารถช่วยยกระดับขีดความสามารถทางเทคโนโลยีและความเป็นอยู่ของประชาชน ทำให้เศรษฐกิจมีโอกาสเติบโตได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น ประเทศที่มีการใช้เงินลงทุนในการวิจัยและพัฒนามากขึ้น มักจะสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกได้
C. การลดความตึงเครียดในภูมิภาค: การลดขนาดกองทัพอาจช่วยลดความตึงเครียดทางทหารระหว่างประเทศหรือภูมิภาค ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศดีขึ้น ซึ่งอาจช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ
ข้อเสียหรือความเสี่ยงของการลดงบประมาณทางทหาร:
A. ความเสี่ยงด้านความมั่นคง: หากประเทศลดขนาดกองทัพมากเกินไปหรือไม่สามารถป้องกันตัวเองจากภัยคุกคามจากภายนอกได้ อาจเกิดความเสี่ยงในด้านความมั่นคง หากไม่มีการเตรียมพร้อมทางทหาร ประเทศอาจเสี่ยงต่อการรุกรานหรือการกดดันจากต่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงของชาติในระยะยาว การมีขนาดกองทัพที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาอธิปไตยของประเทศและการป้องกันจากการโจมตีทั้งในทางทหารและทางเศรษฐกิจ
B. การเสียดุลอำนาจในระดับภูมิภาค: ในบางภูมิภาค การลดงบประมาณทางทหารอาจทำให้ประเทศขาดอำนาจต่อรองกับประเทศอื่น ๆ ที่มีอิทธิพลทางทหารเพิ่มขึ้น การลดกำลังทหารอาจทำให้ประเทศเสียความสามารถในการป้องกันผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจหรือการเมือง และอาจถูกกดดันจากประเทศที่มีกำลังทหารที่แข็งแกร่งกว่า
C. ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมป้องกันประเทศ: การลดงบประมาณทางทหารอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่มีบทบาทสำคัญในบางประเทศ การลดการผลิตอาวุธและเทคโนโลยีทางทหารอาจทำให้เกิดการสูญเสียงานในอุตสาหกรรมเหล่านี้ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในประเทศที่มีการพึ่งพาการผลิตสินค้าทางทหารเพื่อการส่งออก
D. ภัยคุกคามใหม่ที่ต้องเผชิญ: แม้ว่าความขัดแย้งทางทหารอาจลดลงในบางพื้นที่ แต่ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เช่น การก่อการร้าย ภัยไซเบอร์ และการโจมตีทางเศรษฐกิจ อาจต้องการการเตรียมความพร้อมทางการทหารหรือการป้องกันเชิงยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่ง การลดงบประมาณทางทหารอาจทำให้ประเทศขาดความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามเหล่านี้
ตัวอย่างประเทศที่ลดงบประมาณทางทหาร:
บางประเทศเลือกที่จะลดงบประมาณทางทหารหรือไม่มีทหารเลย เช่น:
– คอสตาริกา: ยกเลิกกองทัพตั้งแต่ปี 1949 และนำงบประมาณไปใช้ในการพัฒนาการศึกษาและสาธารณสุข ส่งผลให้ประเทศมีเสถียรภาพทางสังคมและการพัฒนาที่ยั่งยืนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คอสตาริกาตั้งอยู่ในภูมิภาคที่ไม่มีความเสี่ยงทางทหารสูงมากนัก ทำให้สามารถดำเนินนโยบายนี้ได้โดยไม่มีปัญหาด้านความมั่นคง
– ญี่ปุ่น: แม้จะมีกำลังป้องกันตัวเอง แต่ญี่ปุ่นจำกัดการใช้จ่ายทางทหารตามรัฐธรรมนูญตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และเน้นพัฒนาทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี โดยพึ่งพาความร่วมมือทางการทหารกับสหรัฐฯ เพื่อรักษาความมั่นคง อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลัง ญี่ปุ่นเริ่มเพิ่มงบประมาณทางทหารเนื่องจากความตึงเครียดในภูมิภาคเอเชีย
การลดงบประมาณทางทหารหรือการมีกำลังทหารที่จำกัดสามารถช่วยให้ชาติประหยัดงบประมาณและนำไปใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจได้ แต่อาจไม่เหมาะสมกับทุกประเทศ เนื่องจากปัจจัยความมั่นคง การแข่งขันในภูมิภาค และภัยคุกคามจากภายนอก การจัดการงบประมาณระหว่างกองทัพและการพัฒนาเศรษฐกิจต้องพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ร่วมกันเพื่อให้ประเทศสามารถรักษาความมั่นคงและเจริญเติบโตได้อย่างยั่งยืน
……………………………………………………………
ทหาร เรียนหรือถูกฝึกอบรมอะไรมาบ้าง ทำไมถึงสามารถทำภาระกิจมากมายนั้นได้?
ทหารสามารถปฏิบัติภารกิจที่หลากหลายและครอบคลุมด้านต่าง ๆ ทั้งการป้องกันประเทศ การตอบสนองต่อภัยพิบัติ การรักษาความสงบเรียบร้อย และการป้องกันภัยคุกคามสมัยใหม่ได้ เนื่องจากทหารได้รับการศึกษา ฝึกอบรม และเตรียมความพร้อมในหลายด้านอย่างเข้มงวด การฝึกทหารไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่ความแข็งแกร่งทางร่างกายและความสามารถในการต่อสู้ แต่ยังครอบคลุมถึงทักษะและความรู้ที่จำเป็นสำหรับการรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ทหารไทยผ่านกระบวนการฝึกฝนที่ครอบคลุมดังต่อไปนี้:
A. การฝึกฝนทางร่างกาย
– การฝึกความแข็งแกร่งทางกายภาพ: ทหารต้องผ่านการฝึกทางร่างกายที่เข้มงวดเพื่อพัฒนาความแข็งแรง ความอดทน และความคล่องตัว ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องใช้กำลังกาย เช่น การช่วยเหลือในภัยพิบัติ การรบ หรือการอพยพผู้ประสบภัย
– การฝึกความแข็งแกร่งทางจิตใจ: นอกจากร่างกายแล้ว ทหารยังต้องผ่านการฝึกฝนทางจิตใจ เพื่อให้มีความสามารถในการทำงานภายใต้ความกดดัน ทหารต้องมีวินัย ความอดทน และความมั่นคงทางจิตใจ เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดหรือวิกฤติได้
B. การฝึกยุทธวิธีทางการทหาร
– การรบและการป้องกันประเทศ: ทหารต้องได้รับการฝึกฝนทางยุทธวิธี เช่น การใช้และบำรุงรักษาอาวุธ การปฏิบัติการรบในพื้นที่ต่าง ๆ (เช่น พื้นที่ป่า ภูเขา หรือเมือง) การวางแผนการปฏิบัติการ และการใช้เทคโนโลยีทางการทหาร ทักษะเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องประเทศจากการรุกรานและภัยคุกคามจากภายนอก
– การฝึกปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานอื่น: ทหารมักต้องทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ เช่น ตำรวจ หน่วยกู้ภัย หรือองค์กรระหว่างประเทศ การฝึกฝนในการทำงานร่วมกับหน่วยงานเหล่านี้ช่วยให้ทหารสามารถประสานงานและปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
C. การฝึกการบรรเทาสาธารณภัยและกู้ภัย
– การรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาติ: ทหารไทยได้รับการฝึกฝนในการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว และพายุ โดยมีทักษะในการอพยพประชาชน การแจกจ่ายเสบียงและอุปกรณ์ช่วยชีวิต และการใช้เครื่องจักรหนักในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย
– การฝึกการกู้ภัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน: ทหารต้องมีทักษะในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การดึงผู้คนออกจากอาคารที่ถล่ม การค้นหาและช่วยเหลือผู้รอดชีวิตในพื้นที่ประสบภัย และการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ เช่น หน่วยกู้ภัยหรือทีมแพทย์
D. การศึกษาและฝึกฝนด้านเทคโนโลยี
– การใช้เทคโนโลยีทางทหาร: ทหารได้รับการฝึกฝนในการใช้เทคโนโลยีทางทหารที่ทันสมัย เช่น การใช้โดรน ระบบสื่อสารทางทหาร การทำแผนที่และการนำทางด้วย GPS รวมถึงการใช้งานอาวุธที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการปฏิบัติการทางทหารยุคใหม่
– การป้องกันภัยทางไซเบอร์: ทหารยังได้รับการฝึกฝนในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อป้องกันการโจมตีจากภัยคุกคามดิจิทัล ทักษะนี้มีความสำคัญมากในยุคที่การโจมตีทางไซเบอร์เป็นปัญหาสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ
E. การศึกษาเรื่องยุทธศาสตร์และการวางแผน
– การศึกษาเรื่องยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ: ทหารระดับสูงมักต้องได้รับการศึกษาและฝึกฝนในเรื่องยุทธศาสตร์และการวางแผนการรบในระดับชาติ เพื่อให้สามารถตัดสินใจและกำหนดนโยบายในการป้องกันประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– การฝึกการวางแผนปฏิบัติการฉุกเฉิน: ทหารยังต้องมีทักษะในการวางแผนและจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะการรับมือกับวิกฤตการณ์ทั้งในและต่างประเทศ เช่น การควบคุมสถานการณ์ทางการเมือง หรือการเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ
F. การฝึกการป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย
– การป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย: ในการป้องกันประเทศจากภัยคุกคามที่มาจากการก่อการร้าย ทหารจะต้องได้รับการฝึกฝนในการเฝ้าระวัง สืบสวน และปฏิบัติการตอบโต้การก่อการร้าย รวมถึงการฝึกปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การช่วยเหลือตัวประกัน การปิดล้อมพื้นที่ที่มีการก่อการร้าย และการเฝ้าระวังเหตุการณ์ที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ
G. การฝึกในด้านมนุษยธรรมและการรักษาสันติภาพ
– การรักษาสันติภาพและการทำงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศ: ทหารมักได้รับการฝึกฝนในการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพ ซึ่งมักเป็นการทำงานในพื้นที่ขัดแย้งทั้งภายในและระหว่างประเทศ โดยมีการทำงานร่วมกับหน่วยงานระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) หรือองค์การช่วยเหลือต่าง ๆ
– การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม: ทหารยังได้รับการฝึกฝนในการปฏิบัติภารกิจด้านมนุษยธรรม เช่น การจัดหาอาหาร น้ำ และการดูแลสุขภาพให้กับประชาชนที่ประสบปัญหาจากภัยพิบัติหรือความขัดแย้ง
H. การฝึกฝนด้านการบริหารจัดการและภาวะผู้นำ
– การพัฒนาภาวะผู้นำ: ทหารระดับผู้บังคับบัญชาต้องผ่านการฝึกฝนในด้านภาวะผู้นำ การจัดการกำลังพล และการตัดสินใจในสถานการณ์ที่ซับซ้อนและมีความกดดันสูง เพื่อให้สามารถนำทีมทหารปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– การจัดการโลจิสติกส์: ทหารได้รับการฝึกในเรื่องการจัดการโลจิสติกส์ ซึ่งรวมถึงการจัดส่งอาหาร น้ำ อาวุธ และอุปกรณ์จำเป็นให้กับกำลังพลในพื้นที่ปฏิบัติการ
ทหารได้รับการศึกษาและฝึกฝนในหลายด้านที่หลากหลาย ทำให้พวกเขาสามารถปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการป้องกันประเทศ การช่วยเหลือในภัยพิบัติ การป้องกันภัยคุกคามใหม่ ๆ เช่น การก่อการร้ายและไซเบอร์ การบรรเทาสาธารณภัย และการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ
การมีทหารเป็นสิ่งสำคัญไม่เพียงแค่ในแง่ของการสู้รบหรือการป้องกันประเทศจากการรุกรานจากภายนอก แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาความมั่นคงในระดับชาติ ปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน และตอบสนองต่อภัยคุกคามที่ซับซ้อนในยุคปัจจุบัน
อ่านจบแล้วมีความรู้สึกอยากเป็นทหาร เพื่อมีส่วนร่วมในภารกิจสำคัญเพื่อชาติและประชาชน หรือไม่?
หรือเห็นด้วยกับการสนับสนุนกองทัพให้ได้มีงบประมาณที่เหมาะสม เพื่อจัดซื้อหรือซ่อมบำรุงอาวุธและยุทโธปกรณ์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภาระกิจต่าง ๆ ตามที่อธิบายมาทั้งหมดหรือไม่?
เกิดคำถามขึ้นในใจหรือไม่ว่า ธนาธร ปิยะบุตร พิธา ก้าวไกล ที่แปลงร่างเป็น “พรรคอ้างประชาชน“ จะมาพัฒนาชาติ เพื่อให้ประชาชนมีอยู่มีกินอย่างยั่งยืน ได้อย่างไร ถ้าไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง
เมื่อประเทศชาติและประชาชนขาดความั่นคง การลงทุนและทำธุรกิจจากต่างชาติก็หนี เศรษฐกิจก็พัง ผลกระทบสุดท้ายอยู่ที่ประชาชน
……………………………………………………………………………