คนไทยเสียโอกาสทองเพราะไม่เคยเสียเอกราชให้ฝรั่งจริงมั้ย?
โดย อัษฎางค์ ยมนาค
มีพระมหากษัตริย์ปกครองหาว่าต้องเป็นทาส แต่เป็นเอกราชกลับอยากเป็นทาสฝรั่ง อะไรของมัน!
คนระดับ ศาตราจารย์ ดร.ทางด้านรัฐศาสตร์ จาก มช. เสียใจที่ไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่ง จนทำให้คนไทยไม่มีโอกาสทองในการเรียนรู้ภาษาต่างชาติ!
ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่คล้อยตามแนวคิดของคนที่ตนเองเชื่อว่า คนเหล่านั้นเป็นคนระดับหัวกะทิชั้นนำของไทย
ผมจะพามาดูข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ แต่ต้องยกตัวอย่างและเล่ากันยาวหน่อยนะ ถ้าอยากได้คำตอบต้องอ่านยาวๆ กันหน่อย อ่านจบแล้วค่อยมาคอมเมนท์แสดงความคิดเห็นกัน
ชาติมหาอำนาจตะวันตกเจ้าอาณานิคม หวังดีที่จะพัฒนาประเทศอาณานิคมของตนจริงๆ หรือว่าความจริงมีจุดประสงค์จะแสวงหาผลประโยชน์ หรือสูบเลือดเนื้อจากประเทศอาณานิคมของตน?
การปกครองอาณานิคมโดยชาติมหาอำนาจตะวันตกในยุคอาณานิคมมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ แรงงาน และการขยายอิทธิพลทางการเมืองในพื้นที่ต่างๆ มากกว่าที่จะพัฒนาประเทศอาณานิคมอย่างแท้จริง
มุมมองนี้สามารถวิเคราะห์ได้จากหลายประเด็น:
การแสวงหาทรัพยากรและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
ประเทศอาณานิคมส่วนใหญ่ถูกควบคุมเพื่อแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่า เช่น ทองคำ ยางพารา แร่ธาตุ และน้ำมัน ยกตัวอย่างเช่น เบลเยียมในคองโก ที่ปกครองโดยกษัตริย์เลโอโปลด์ที่สอง ซึ่งมีการบังคับใช้แรงงานอย่างรุนแรงเพื่อเก็บยางพาราและทรัพยากรอื่นๆ เป็นผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตประชาชนจำนวนมากจากการถูกกดขี่
ชาวอาณานิคมมักจะไม่ได้รับประโยชน์จากทรัพยากรที่ถูกสกัดไปยังประเทศเจ้าอาณานิคม รายได้จากทรัพยากรเหล่านี้มักถูกนำกลับไปยังชาติตะวันตกเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับอุตสาหกรรมของตนเอง ประชาชนในประเทศอาณานิคมกลับต้องเผชิญกับความยากจนและขาดการเข้าถึงทรัพยากรพื้นฐาน
การควบคุมแรงงานและการแสวงหาประโยชน์จากแรงงาน
การบังคับใช้แรงงานราคาถูกหรือแรงงานทาสในประเทศอาณานิคมเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ชาติตะวันตกใช้เพื่อสร้างกำไรให้กับเศรษฐกิจของตนเอง การทำงานหนักในสภาพที่ย่ำแย่ทำให้ประชาชนในอาณานิคมต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น การสร้างทางรถไฟในประเทศอินเดียหรืออัฟริกา ซึ่งใช้แรงงานท้องถิ่นอย่างหนักโดยไม่ได้รับการคุ้มครองหรือสิทธิใดๆ
การปกครองและการแบ่งแยกเพื่อควบคุม
แม้ว่าจะมีการจัดตั้งระบบการศึกษาและโครงสร้างพื้นฐานบางส่วนในประเทศอาณานิคม แต่เป้าหมายหลักคือเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการปกครองและการควบคุม ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวาง ยกเว้นกลุ่มชนชั้นนำที่ถูกฝึกให้ทำงานในระบบของเจ้าอาณานิคม นอกจากนี้ยังมีการใช้กลยุทธ์ “แบ่งแยกและปกครอง” (Divide and Rule) เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้านอำนาจของชาติตะวันตก
การทิ้งมรดกทางการเมืองและความขัดแย้งหลังยุคอาณานิคม
หลังจากประเทศอาณานิคมได้รับอิสรภาพ หลายประเทศประสบกับปัญหาการเมืองภายใน ความขัดแย้งทางเชื้อชาติ หรือความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งเกิดจากการแบ่งแยกของเจ้าอาณานิคมที่ทิ้งไว้ ตัวอย่างเช่น ความขัดแย้งในรวันดา ที่เกิดจากการสร้างความแตกต่างทางชนเผ่าโดยเจ้าอาณานิคมเบลเยียม ซึ่งกลายมาเป็นหนึ่งในสาเหตุของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในปี 1994
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อประโยชน์ของชาติตะวันตก
โครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ทางรถไฟ ท่าเรือ และระบบโทรคมนาคมในหลายประเทศอาณานิคมถูกสร้างขึ้นเพื่อขนส่งทรัพยากรจากอาณานิคมไปยังประเทศเจ้าอาณานิคม มากกว่าจะเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น การพัฒนาทางรถไฟในอินเดียที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อส่งออกสินค้าไปยังอังกฤษ ไม่ใช่เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนในพื้นที่
แม้ว่าชาติตะวันตกจะอ้างว่ามีจุดประสงค์ในการพัฒนาประเทศอาณานิคม แต่หลักฐานและประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าจุดประสงค์หลักของพวกเขาคือการแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการขยายอิทธิพลของตนเอง การพัฒนาประเทศอาณานิคมเกิดขึ้นเพียงเพื่ออำนวยความสะดวกในการควบคุมและแสวงหากำไรจากทรัพยากรและแรงงาน
อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกอังกฤษปกครองในฐานะอาณานิคมนานกว่า 200 ปี (ตั้งแต่ปี 1757 จนถึงปี 1947) ซึ่งระหว่างนั้นอินเดียถูกสูบทรัพยากรทางธรรมชาติ แรงงาน และถูกควบคุมทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
ตัวอย่างสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าอังกฤษได้สูบเลือดเนื้อจากอินเดีย ได้แก่
การผูกขาดการค้าและทรัพยากรธรรมชาติ
บริษัท British East India Company เข้ามาควบคุมการค้าในอินเดียและผูกขาดทรัพยากรสำคัญ เช่น ฝ้าย ยางพารา และเกลือ อังกฤษกำหนดเงื่อนไขทางการค้าที่เอื้อประโยชน์ให้ตนเอง โดยห้ามไม่ให้อินเดียผลิตสินค้าบางประเภทเพื่อการค้าของตัวเอง อินเดียถูกใช้เป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบราคาถูกและต้องนำเข้าสินค้าสำเร็จรูปจากอังกฤษที่มีราคาแพง ซึ่งทำให้เศรษฐกิจอินเดียอ่อนแอลงเรื่อยๆ
การขโมยทรัพย์สินและสินแร่
อินเดียเป็นแหล่งทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ เช่น แร่เหล็ก และเพชร อังกฤษเข้ามาขุดสินแร่และขโมยทรัพย์สินที่มีค่าเพื่อนำกลับไปยังประเทศของตน ตัวอย่างเช่น การขโมย เพชรโคอินัวร์ (Kohinoor) ซึ่งเป็นหนึ่งในเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นสมบัติของราชวงศ์อินเดีย ก่อนจะถูกส่งไปยังราชวงศ์อังกฤษในศตวรรษที่ 19
ภาษีที่ไม่เป็นธรรม
อังกฤษได้เก็บภาษีในอัตราที่สูงจากเกษตรกรและประชาชนอินเดีย ทำให้พวกเขาต้องใช้ชีวิตอย่างยากจนและขาดโอกาสในการพัฒนาชีวิต ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ ระบบภาษีเกลือ ซึ่งห้ามประชาชนอินเดียผลิตเกลือของตนเองและบังคับให้ซื้อเกลือจากอังกฤษที่มีราคาแพงขึ้น การประท้วงเรื่องนี้นำไปสู่การเดินขบวนเกลือของมหาตมะ คานธี ในปี 1930
การบังคับแรงงานและอุตสาหกรรมสิ่งทอ
ก่อนที่อังกฤษจะปกครอง อินเดียมีอุตสาหกรรมสิ่งทอที่รุ่งเรือง โดยเฉพาะการทอผ้าไหมและผ้าฝ้าย อย่างไรก็ตาม อังกฤษได้ใช้มาตรการที่ทำลายอุตสาหกรรมนี้ โดยการบังคับให้อินเดียส่งออกฝ้ายดิบไปยังอังกฤษ ซึ่งถูกผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปในอังกฤษ และส่งกลับมาขายในอินเดียในราคาที่สูงขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมสิ่งทอในอินเดียล่มสลาย และแรงงานอินเดียต้องทำงานในระบบที่เป็นผลประโยชน์ของอังกฤษแทน
การขาดดุลและการสูบทรัพยากรทางการเงิน
อังกฤษสร้างระบบเศรษฐกิจที่ทำให้อินเดียเกิดการขาดดุลทางการค้าและการเงิน ทรัพยากรถูกขนส่งไปยังอังกฤษอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีการส่งกลับเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจอินเดียเลย ตัวอย่างสำคัญคือ การสูบเงินออกจากอินเดีย (The Drain of Wealth) โดยเศรษฐีชาวอังกฤษและข้าราชการได้ใช้ทรัพยากรจากอินเดียอย่างมหาศาลเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจอังกฤษ ในขณะที่อินเดียยังคงอยู่ในสภาพยากจนและขาดการพัฒนา
การปกครองและกดขี่ประชาชน
อังกฤษบังคับใช้การปกครองที่เข้มงวดและกดขี่ประชาชนอินเดีย การใช้กำลังปราบปรามการก่อจลาจลและการเรียกร้องอิสรภาพเป็นเรื่องปกติ เช่น การสังหารหมู่ที่อมฤตสา (Jallianwala Bagh Massacre) ในปี 1919 ซึ่งมีการสั่งยิงประชาชนที่ชุมนุมประท้วงอย่างสันติ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน
อังกฤษได้แสวงหาผลประโยชน์จากอินเดียโดยการควบคุมทรัพยากร กดขี่ทางเศรษฐกิจ และบังคับใช้แรงงานอย่างไม่เป็นธรรม การปกครองอาณานิคมของอังกฤษได้ทิ้งร่องรอยของความยากจนและความไม่เป็นธรรมให้กับอินเดียซึ่งต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการฟื้นตัวหลังได้รับเอกราช
ความคิดเห็นของคนอินเดียต่อการเคยตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษนั้นแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่
ซึ่งแสดงถึงมุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับผลกระทบของการเป็นเมืองขึ้น:
ชื่นชมในประโยชน์ที่ได้รับ เช่น การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
คนอินเดียบางกลุ่มมองว่าการตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษส่งผลดีในบางแง่มุม เช่น การทำให้ภาษาอังกฤษกลายเป็นภาษาที่แพร่หลายในอินเดีย ซึ่งส่งเสริมความสามารถในการสื่อสารกับนานาชาติและช่วยให้อินเดียสามารถมีบทบาทในเวทีโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันภาษาอังกฤษถือเป็นภาษาราชการหนึ่งของอินเดีย และถูกใช้ในระบบการศึกษา รัฐบาล และธุรกิจข้ามชาติ ภาษาอังกฤษได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คนอินเดียเข้าถึงการศึกษาระดับสูงและโอกาสในการทำงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานบางส่วน เช่น การคมนาคม การก่อตั้งระบบการศึกษา และการสร้างสถาบันวิทยาศาสตร์ ล้วนเป็นสิ่งที่คนอินเดียบางส่วนยอมรับว่าเป็นมรดกเชิงบวกที่อังกฤษทิ้งไว้
ความสูญเสียโอกาสและผลประโยชน์มหาศาล
อย่างไรก็ตาม คนอินเดียส่วนใหญ่ยังคงมีความรู้สึกที่ไม่พอใจกับการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
เนื่องจากอินเดียสูญเสียโอกาสในการพัฒนาตนเองอย่างมหาศาลภายใต้การควบคุมของอังกฤษ ความมั่งคั่งทรัพยากรและแรงงานของอินเดียถูกแสวงหาผลประโยชน์ไปเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจของอังกฤษมากกว่าที่จะถูกใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอินเดีย
การปกครองที่เข้มงวด การบังคับใช้แรงงาน และภาษีที่ไม่เป็นธรรม ล้วนทำให้ประชาชนอินเดียประสบกับความยากจนและขาดโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
นอกจากนี้ ยังมีความไม่พอใจต่อความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นจากระบบชนชั้นที่อังกฤษสนับสนุนเพื่อให้สามารถควบคุมประเทศได้ง่ายขึ้น เช่น การแบ่งแยกศาสนาและชาติพันธุ์ ทำให้เกิดความขัดแย้งและความรุนแรงหลังจากอินเดียได้รับเอกราช ตัวอย่างสำคัญคือการแบ่งแยกดินแดนระหว่างอินเดียและปากีสถานในปี 1947 ซึ่งทำให้เกิดการเสียชีวิตและความขัดแย้งทางเชื้อชาติที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้
โดยรวมแล้ว คนอินเดียจำนวนมากยังมองว่าการตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษทำให้อินเดียสูญเสียโอกาสและทรัพยากรอย่างมหาศาล แม้ว่าจะมีบางส่วนที่มองเห็นข้อดี เช่น การได้รับภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้ในระดับนานาชาติ แต่ประสบการณ์การเป็นอาณานิคมส่วนใหญ่ถูกมองว่าเป็นช่วงเวลาของการถูกกดขี่และสูญเสียอธิปไตย
คำกล่าวที่ว่า “การที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งทำให้ประชาชนไม่มีโอกาสทองในการเรียนรู้ภาษาต่างชาติ” เป็นคำกล่าวที่ไม่ถูกต้องทั้งหมด
และสามารถอธิบายได้ดังนี้:
ประเทศอาณานิคมไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเชี่ยวชาญภาษาต่างชาติ
ตัวอย่างเช่น ประเทศลาว กัมพูชา และเวียดนามที่เคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส แต่ประชาชนจำนวนมากในประเทศเหล่านี้ไม่ได้มีทักษะทางภาษาฝรั่งเศสหรือภาษาอังกฤษที่สูงเท่าที่ควร เนื่องจากการใช้ภาษาต่างชาติในช่วงอาณานิคมมักจำกัดอยู่ในกลุ่มชนชั้นสูงหรือคนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานของฝรั่งเศส ในขณะที่ประชาชนทั่วไปยังคงใช้ภาษาท้องถิ่น
การเรียนรู้ภาษาต่างชาติขึ้นอยู่กับระบบการศึกษา
การที่ประชาชนไม่มีโอกาสเรียนรู้ภาษาต่างชาติไม่ได้เกิดจากการที่ประเทศไทยไม่เป็นอาณานิคมเพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดจากโครงสร้างการศึกษาที่ไม่เน้นภาษาต่างชาติในระบบการศึกษามากเพียงพอ หากประเทศไทยลงทุนในระบบการศึกษาที่เน้นทักษะทางภาษาตั้งแต่เด็ก อาจจะสามารถเสริมสร้าง ทักษะทางภาษาต่างประเทศได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นอาณานิคม
ประเทศที่ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมสามารถพัฒนาทักษะภาษาต่างชาติได้อย่างมาก หากระบบการศึกษาให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ภาษา
ตัวอย่างประเทศที่ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมและสามารถพัฒนาทักษะภาษาต่างชาติได้อย่างมากมีหลายประเทศ เช่น:
ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นไม่เคยเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก และมีการพัฒนาการศึกษาอย่างก้าวกระโดดหลังจากยุคเมจิ ระบบการศึกษาของญี่ปุ่นมุ่งเน้นการเรียนภาษาต่างชาติ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาสำคัญในโลกสากล แม้จะไม่เคยถูกกดดันจากชาติตะวันตก แต่ญี่ปุ่นยังคงให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศเพื่อเสริมศักยภาพในการติดต่อสื่อสารกับนานาชาติ
เกาหลีใต้
เกาหลีใต้ก็ไม่เคยเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตกเช่นกัน แต่ได้พัฒนาทักษะทางภาษาโดยเฉพาะภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง ประเทศนี้มุ่งเน้นการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศตั้งแต่ระดับประถมศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับประชากรในการแข่งขันในเวทีโลก นอกจากนี้ การใช้ภาษาอังกฤษในวงการธุรกิจและเทคโนโลยีทำให้เกาหลีใต้มีศักยภาพสูงในเวทีโลก
จีน
จีน เป็นตัวอย่างที่ดีของประเทศที่ไม่เคยตกเป็น
อาณานิคมของชาติตะวันตก (ยกเว้นบางพื้นที่อย่าง ฮ่องกงและมาเก้าที่เคยถูกปกครองโดยอังกฤษและโปรตุเกสตามลำดับ) แต่สามารถพัฒนาทักษะทางภาษาต่างชาติได้อย่างมากในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและการติดต่อกับนานาชาติ จีนมีนโยบายและกลยุทธ์ต่างๆ ในการพัฒนาทักษะด้านภาษาต่าง
ชาติ
จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการค้าและการลงทุนระดับโลกอย่างกว้างขวาง ทักษะทางภาษาโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ จึงมีความจำเป็นในการติดต่อกับนานาประเทศ รัฐบาลจีนและบริษัทต่างๆ ในจีนให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะทางภาษาของพนักงานเพื่อติดต่อกับคู่ค้าต่างประเทศ นอกจากนี้ จีนยังเน้นให้การศึกษาภาษาต่างชาติเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคน รุ่นใหม่ในยุคโลกาภิวัตน์
ไต้หวัน
ไต้หวันไม่เคยถูกปกครองโดยชาติตะวันตกในช่วงยุคอาณานิคม แต่ก็ได้พัฒนาการศึกษาด้านภาษาต่างประเทศเป็นอย่างดี ปัจจุบันคนไต้หวันจำนวนมากมีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีและใช้ในการติดต่อธุรกิจและเทคโนโลยี นอกจากนี้ ไต้หวันยังมีความสามารถในการเรียนรู้ภาษาจีนกลาง (Mandarin) ซึ่งเป็นภาษาสำคัญในเวทีโลก
ตุรกี
ตุรกีไม่เคยเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตกเช่นกัน แต่มีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและภาษาอื่นๆ อย่างแพร่หลายในระบบการศึกษา การพัฒนาทักษะภาษาต่างประเทศในตุรกีมาจากการติดต่อกับนานาชาติในยุคหลังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงต้นศตวรรษที่ 20
ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าประเทศที่ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมก็สามารถพัฒนาทักษะภาษาต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีการจัดการระบบการศึกษาที่ดีและการเปิดรับจากภายนอก
ประเทศที่ตกเป็นอาณานิคม แต่พัฒนาการทางภาษาต่างประเทศด้อยพัฒนา
ลาว
ลาวเคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส แต่หลังจากได้รับอิสรภาพในปี 1953 ประเทศนี้ไม่ได้มีการส่งเสริมการใช้ภาษาฝรั่งเศสในระดับกว้างขวางเท่าที่ควร ภาษาฝรั่งเศสถูกจำกัดอยู่ในกลุ่มชนชั้นนำและในระบบการศึกษาบางส่วนเท่านั้น ประชากรส่วนใหญ่ยังใช้ภาษาลาวเป็นหลัก และทักษะภาษาอังกฤษก็ยังไม่ได้พัฒนาเท่ากับประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยหรือเวียดนาม
กัมพูชา
กัมพูชาก็เคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส แต่ภาษาฝรั่งเศสถูกจำกัดการใช้ในช่วงหลังอาณานิคม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสงครามภายในประเทศ การใช้ภาษาฝรั่งเศสค่อยๆ ลดลง และภาษาเขมรกลับมามีบทบาทหลักในชีวิตประจำวัน แม้ว่าจะมีการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในยุคปัจจุบัน แต่โดยรวมแล้วทักษะทางภาษาต่างประเทศในกัมพูชายังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก
โมซัมบิก
โมซัมบิกเคยเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส และภาษาทางการยังคงเป็นภาษาโปรตุเกสจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศไม่ได้ใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาหลักในชีวิตประจำวัน ภาษาโปรตุเกสถูกใช้ในเมืองและในกลุ่มชนชั้นสูง แต่ในชนบท ประชาชนส่วนใหญ่ใช้ภาษาแอฟริกันท้องถิ่น ทักษะภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ซึ่งมีความสำคัญในเวทีระหว่างประเทศ ก็ยังไม่พัฒนาอย่างแพร่หลายในหมู่ประชากรทั่วไป
อิงเควทอเรียลกินี
อิเควทอเรียลกินีเคยเป็นอาณานิคมของสเปน และภาษาสเปนยังคงเป็นภาษาทางการของประเทศ อย่างไรก็ตาม ทักษะทางภาษาสเปนไม่ได้รับการพัฒนาในทุกกลุ่มของประชากร ส่วนใหญ่ประชากรในชนบทและภูมิภาคที่ห่างไกลยังคงใช้ภาษาท้องถิ่นมากกว่าภาษาสเปน นอกจากนี้ การใช้ภาษาอังกฤษและภาษาต่างประเทศอื่นๆ ก็ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในระดับที่สูงมาก
แม้ว่าหลายประเทศเคยเป็นอาณานิคมและได้รับภาษาจากเจ้าอาณานิคม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทักษะด้านภาษาต่างประเทศของประชากรจะพัฒนาไปได้ดีเสมอไป ปัจจัยต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การศึกษา และความสำคัญของภาษาท้องถิ่น ล้วนส่งผลต่อการพัฒนาทักษะทางภาษาต่างประเทศของประชากรในประเทศเหล่านี้
โลกาภิวัตน์และเทคโนโลยี
นอกจากการเรียนรู้ภาษาต่างชาติขึ้นอยู่กับระบบการศึกษา ยังมีช่องทานแห่งโอกาสจากโลกาภิวัตน์และเทคโนโลยี
ในยุคปัจจุบัน การเรียนรู้ภาษาต่างชาติสามารถทำได้ง่ายและหลากหลายวิธีผ่านสื่อดิจิทัล อินเทอร์เน็ต และการเปิดรับวัฒนธรรมระหว่างประเทศ การเข้าถึงแหล่งความรู้และโอกาสในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเป็นหรือไม่เป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกอีกต่อไป
การที่ประเทศไทยไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตกไม่ได้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ประชาชนไม่มีโอกาสทองในการเรียนรู้ภาษาต่างชาติ ความสามารถในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศขึ้นอยู่กับระบบการศึกษาและการเปิดรับความรู้จากโลกภายนอกมากกว่าการเป็นเมืองขึ้น
ความเห็นเรื่อง การที่ไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้น ทำให้ประชาชนไม่มีโอกาสทองในการเรียนรู้ภาษาต่างชาติ นั้นหลงยุคหลงสมัย ยิ่งกว่าเต่าล้านปี และไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง น่าผิดหวังกับคนที่ชาวบ้านหลงเชื่อว่าเป็นคนระดับหัวกะทิของชาติมากมายหบายคน ที่ผ่านการศึกษาที่ต้องค้นคว้าและทำวิจัย แต่กลับมานั่งเทียนสอนคนให้หลงเชื่อเรื่องที่บิดเบือนไปจากความจริง
ไปเสียเวลาเรียนหนังสือให้สูงทำไม ถ้าคิดได้เท่านี้
มีพระมหากษัตริย์ปกครองหาว่าต้องเป็นทาส
แต่เป็นเอกราชกลับอยากเป็นทาสฝรั่ง อะไรของมัน!