โดย อัษฎางค์ ยมนาค
“ความพอเพียง” มรดกของ ร.9
ที่ปัจจุบันคนฉลาดถูกคนโง่หลอก
“ความพอเพียง” ที่คนไทยบางกลุ่มถูกนักการเมืองล้มเจ้าหลอกให้หลงเชื่อว่าเป็นเรื่องแหกตา แต่ผลงานสำคัญของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ได้รับการยอมรับและยกย่องในระดับนานาชาติคือ โครงการพัฒนาและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเกษตร ผ่าน ”แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง“ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่มาก่อนกาลและกำลัง “in trend”
แต่เดิมแนวเศรษฐกิจในชาติตะวันตกมักจะมุ่งเน้นไปที่ ทุนนิยม หรือ เศรษฐกิจตลาดเสรี โดยเน้นการแข่งขันเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบันแนวคิด ความยั่งยืน (Sustainability) ได้รับความสนใจและถูกนำเข้ามาในนโยบายเศรษฐกิจของหลายประเทศตะวันตกมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่เมืองไทยของเรามีในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงศึกษาและพัฒนา ”แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง“ ขึ้นมาประยุกต์มากจากหลักธรรมของพุทธศาสนา
ซึ่ง “แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง” นี้ถือว่าเป็นสิ่งที่มาก่อนกาลและกำลัง “in trend” แต่กลับถูกพวกขบถและมุ่งหวังทำลายชาติ ล้มล้างสถาบันพระกษัตริย์เอามาบิดเบือน ปลุกปั่นและหลอกลวงให้คนเข้าใจคำว่า “พอเพียง” ผิดเพี้ยนไปจากความจริง
เศรษฐกิจพอเพียง และ เศรษฐกิจแบบยั่งยืน ได้รับความสนใจอย่างมากในยุคปัจจุบันและถือว่าเป็นแนวคิดที่ “in trend” หรือได้รับความนิยม เนื่องจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติที่มีจำกัด แนวคิดเหล่านี้มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและรักษาสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว หลายประเทศและองค์กรระดับโลก เช่น สหประชาชาติ ได้สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) เพื่อสนับสนุนแนวทางนี้
โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวคิดเรื่องความยั่งยืนถูกนำมาปรับใช้ในนโยบายของภาครัฐและภาคธุรกิจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงาน การเกษตร หรือการบริหารจัดการองค์กร
ผลงานสำคัญของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ได้รับการยอมรับและยกย่องในระดับนานาชาติคือ โครงการพัฒนาและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเกษตร ผ่าน ”แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง“ พระองค์ทรงพัฒนาโครงการหลายพันโครงการที่ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน เช่น การพัฒนาการจัดการน้ำ ป่าไม้ และการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ ความสำเร็จของแนวคิดนี้ได้รับการยกย่องจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น องค์การสหประชาชาติ ที่นำแนวคิดไปเป็นแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนในหลายประเทศ
“เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นแนวคิดที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานไว้ โดยเน้นการพึ่งพาตนเอง ความพอประมาณ และการเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ลักษณะสำคัญของเศรษฐกิจพอเพียงมีดังนี้:
1. ความพอประมาณ (Moderation)
การใช้ทรัพยากรอย่างมีขอบเขต ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อให้เกิดความสมดุลในชีวิตและการดำเนินธุรกิจ ไม่สร้างหนี้สินเกินตัวและใช้ชีวิตอย่างพอดี
2. ความมีเหตุผล (Reasonableness)
การตัดสินใจต่าง ๆ ต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อตนเอง ผู้อื่น และสิ่งแวดล้อม โดยใช้ความรู้และประสบการณ์เป็นพื้นฐาน
3. การมีภูมิคุ้มกันในตัว (Self-immunity)
การเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การสร้างแผนสำรองและลดการพึ่งพิงทรัพยากรจากภายนอก
นอกจากนี้ ”แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง“ ยังต้องการให้ผู้คนมี คุณธรรม (Virtue) และ ความรู้ (Knowledge) เพื่อทำให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างรอบคอบและมีจริยธรรม แนวทางนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เกิดความยั่งยืนในระดับครอบครัวและชุมชน แต่ยังสามารถประยุกต์ใช้ในระดับประเทศและสังคมทั่วโลกเพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำและสิ่งแวดล้อม
แต่เดิมแนวเศรษฐกิจในชาติตะวันตกมักจะมุ่งเน้นไปที่ ทุนนิยมเสรี (Free Market Capitalism) หรือ เศรษฐกิจตลาดเสรี โดยมีหลักการที่เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ การเพิ่มประสิทธิภาพ และการแข่งขัน โดยรัฐบาลมีบทบาทน้อยที่สุดในการควบคุมกิจการเอกชนและการดำเนินธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม แนวคิด ความยั่งยืน (Sustainability) ได้รับความสนใจและถูกนำเข้ามาในนโยบายเศรษฐกิจของหลายประเทศตะวันตกมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศตะวันตกหลายแห่งได้กำหนดนโยบายที่ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและสังคมหันมาใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและลดการทำลายสิ่งแวดล้อม
ตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนแนวคิดนี้คือ เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) และ เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่งเน้นการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ยังมี นโยบาย ESG (Environmental, Social, and Governance) ที่ภาคธุรกิจในตะวันตกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน
ในปัจจุบัน ความยั่งยืนกลายเป็นแนวทางหนึ่งในระบบเศรษฐกิจตะวันตก แต่ยังอยู่ภายใต้ระบบทุนนิยมและเศรษฐกิจตลาดเสรีที่เป็นหลัก
ความยั่งยืน (Sustainability) และ เศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) มีแนวคิดหลักที่คล้ายกันในเรื่องการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและการรักษาสมดุลเพื่ออนาคต แต่แตกต่างกันในจุดเน้นและวิธีการปฏิบัติ ดังนี้:
1. จุดมุ่งหมาย:
• เศรษฐกิจพอเพียง: มุ่งเน้นการพึ่งพาตนเอง มีความพอประมาณ เน้นการใช้ทรัพยากรเท่าที่จำเป็นและเหมาะสม โดยเฉพาะในระดับบุคคลและชุมชน แนวคิดนี้พยายามให้คนและสังคมมีความมั่นคงโดยไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกมากเกินไป ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อวิกฤต
• ความยั่งยืน: มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพในระดับระบบเศรษฐกิจทั้งหมด เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของปัจจุบันโดยไม่ส่งผลกระทบต่ออนาคต แนวทางนี้ใช้ได้ในระดับโลก โดยเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมไปพร้อมกัน
2. หลักการปฏิบัติ:
• เศรษฐกิจพอเพียง: มีหลัก 3 ประการ คือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกัน โดยเน้นให้ทุกคนปรับใช้กับชีวิตของตนเอง เช่น การลดการบริโภคเกินตัว ลดหนี้สิน และพึ่งพาตนเอง
• ความยั่งยืน: มีแนวทางกว้างกว่า เช่น เศรษฐกิจหมุนเวียน และ เศรษฐกิจสีเขียว เพื่อใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน
3. ความครอบคลุม:
• เศรษฐกิจพอเพียง: มักมุ่งเน้นในระดับบุคคลและชุมชน โดยส่งเสริมให้คนมีความพอเพียงในชีวิตประจำวันและไม่ต้องพึ่งพิงภายนอกมากเกินไป
• ความยั่งยืน: เน้นการสร้างระบบเศรษฐกิจและสังคมที่สามารถดำเนินการในระยะยาว โดยมีเป้าหมายการลดผลกระทบเชิงลบต่อโลกและมวลมนุษยชาติ
”แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงแมีละความยั่งยืน“ มีจุดร่วมในเรื่องของการรักษาสมดุลและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ แต่เศรษฐกิจพอเพียงเน้นการพึ่งพาตนเองในระดับปัจเจกและชุมชน ขณะที่ความยั่งยืนเน้นการพัฒนาในระดับระบบเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมมากกว่า
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีผลงานสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยผ่าน โครงการพระราชดำริและแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ พระองค์ทรงริเริ่มโครงการต่างๆ กว่า 4,000 โครงการทั่วประเทศ เช่น การจัดการน้ำ การอนุรักษ์ป่าไม้ และการเกษตรยั่งยืน โครงการเหล่านี้เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและสร้างความพอเพียงภายในชุมชน แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ถูกนำไปปรับใช้ในหลายประเทศและได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติ (UN) ให้เป็นต้นแบบของการพัฒนาอย่างยั่งยืน
โครงการที่สำคัญ ได้แก่:
1. โครงการฝนหลวง: พระองค์ทรงคิดค้นเทคนิคการทำฝนเทียมเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง และการขาดแคลนน้ำในการเกษตร
2. โครงการพัฒนาการเกษตรทฤษฎีใหม่: ทรงส่งเสริมเกษตรกรให้จัดการพื้นที่เกษตรอย่างยั่งยืน โดยการแบ่งพื้นที่เป็นส่วนต่างๆ เช่น แหล่งน้ำ การปลูกข้าว และพืชผลอื่นๆ
3. โครงการจัดการน้ำและอนุรักษ์ป่าไม้: พระองค์ทรงพัฒนาระบบการจัดการน้ำและป่าไม้เพื่อป้องกันการเกิดน้ำท่วมและรักษาระบบนิเวศ
แนวคิดและโครงการของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไม่เพียงแต่แก้ปัญหาในประเทศไทย แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้หลายประเทศในการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการพัฒนาที่ยั่งยืน
การนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการพัฒนาที่ยั่งยืนในต่างประเทศนั้นเริ่มจากการประยุกต์ใช้แนวคิด 3 ประการ คือ ความพอประมาณ (ใช้ทรัพยากรอย่างพอดี), ความมีเหตุผล (ตัดสินใจบนข้อมูลและผลกระทบที่รอบคอบ), และ การมีภูมิคุ้มกัน (เตรียมพร้อมต่อความเสี่ยง) หลายประเทศ เช่น
ภูฏานและฟิลิปปินส์
นำแนวคิดนี้ไปใช้ในการพัฒนาชุมชนและการเกษตร เช่น การส่งเสริมการปลูกพืชหมุนเวียนและการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน เพื่อลดการพึ่งพาแหล่งทรัพยากรภายนอกและสร้างเสถียรภาพภายในชุมชน
เคนยา
ส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่แห้งแล้งให้มีการใช้น้ำและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ปลูกพืชที่ทนต่อสภาพอากาศและสร้างชุมชนที่ยั่งยืน
อินโดนีเซีย
ใช้แนวคิดพอเพียงในการจัดการทรัพยากรป่าไม้ ส่งเสริมการอนุรักษ์และลดการตัดไม้ทำลายป่า
หลักการเศรษฐกิจพอเพียงช่วยประเทศเหล่านี้สร้างความยั่งยืนและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สหประชาชาติ (UN) ได้ยกย่องแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงว่าเป็นกรอบแนวคิดในการพัฒนาที่ยั่งยืนที่สามารถประยุกต์ใช้ได้ทั่วโลก เน้นความพอดีในการดำเนินชีวิตและการพัฒนาโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและค่านิยมที่คงอยู่ในชุมชน (UNDP and Oxford Business Group)
สหประชาชาติ (UN) ได้ยกย่องแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่าเป็นกรอบแนวคิดที่สำคัญในการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการส่งเสริมแนวคิดความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกัน ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและความไม่แน่นอนในยุคโลกาภิวัตน์
1. การรับรางวัลการพัฒนามนุษย์: ในปี 2006 คอฟฟี่ อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติในขณะนั้น ได้มอบ รางวัลการพัฒนามนุษย์แห่งสหประชาชาติ (UN Human Development Lifetime Achievement Award) ให้แก่ในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยกล่าวยกย่องแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงว่า “มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับชุมชนทั่วโลกในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” เพราะเน้นการบริโภคอย่างรับผิดชอบและการสร้างความยืดหยุ่นในการรับมือกับแรงกระแทกจากภายนอก
2. การสนับสนุนจาก UNDP: โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ได้จัดทำรายงานในปี 2007 ที่ระบุว่าแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางที่สำคัญในการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยชื่นชมแนวคิดนี้ที่มุ่งเน้นการพึ่งพาตนเองและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals – SDGs)
3. การบูรณาการเข้ากับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs): สหประชาชาติยังชื่นชมว่าแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงสามารถเป็นรากฐานให้ประเทศต่างๆ นำไปใช้ในการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของประชาชนมากกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ซึ่งเหมาะกับการสร้างสังคมที่มีความสมดุลและยั่งยืนในระยะยาว
แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติว่าเป็นแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมกับยุคสมัยและสามารถประยุกต์ใช้ได้ทั่วโลก