สหรัฐอเมริกา
(ผู้รักษาสันติภาพ ที่ทำลายสันติภาพ)
คือจุดเริ่มต้นการชุมนุมของนิสิตนักศึกษา
เดือนตุลาถึงขบวนการสามกีบ
หรือไม่?
จากคำบอกเล่าของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร
……………….…………………..……………….……………….
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร
ตุลาคม พ.ศ. 2516 เป็นเดือนวิกฤตของคนไทย ในขณะนั้นนอกจากปัญหาการเมืองภายในแล้ว ยังมีปัญหาภัยคุกคามของคอมมิวนิสต์ที่กระทำต่อหลายประเทศ รวมทั้งเมืองไทยด้วย
สหรัฐอเมริกาเป็นผู้ที่ทำให้เกิดคอมมิวนิสต์ขึ้นในเมืองไทย ถ้าลำพังแต่ในเมืองไทยเอง คอมมิวนิสต์อาจจะไม่มีเลยก็ได้ แต่เพราะเหตุว่าสหรัฐฯ เป็นศัตรูกับสหภาพโซเวียตและจีน ซึ่งเป็นสองประเทศใหญ่ที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ ระบอบคอมมิวนิสต์จึงทำท่าว่าจะขยายไปยังประเทศต่างๆ
สหรัฐฯ ก็กลัวว่าตัวเองจะเสียโลกให้แก่ค่ายคอมมิวนิสต์ อเมริกาจึงดำเนินนโนบายเป็นปฏิปักษ์กับคอมมิวนิสต์ นโยบายนี้เองที่รัฐบาลเล็กๆ น้อยๆ รับเอามา หรือถูกบังคับให้รับเอามาเพื่อเป็นฝ่ายอเมริกาในการต่อต้านคอมมิวนิสต์
รัฐบาลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สมัยนั้นเกือบทุกรัฐบาลรับนโยบายปฏิปักษ์ต่อคอมมิวนิสต์นี้มาทั้งสิ้น รวมทั้งเมืองไทยด้วย
ไทยเริ่มปราบคอมมิวนิสต์ตั้งแต่ช่วงต้นๆ เลย เรามีกฎหมายที่ว่าด้วยคอมมิวนิสต์โดยเฉพาะ
ยิ่งเมื่อเป็นรัฐบาลเผด็จการ การปราบปรามผู้ที่ต้องสงสัยว่าเป็นคอมมิวนิสต์ก็ทำด้วยความรุนแรง มีการจับนักการเมืองที่ต้องสงสัยว่าเป็นคอมมิวนิสต์เป็นจำนวนไม่น้อย
ใน พ.ศ. 2516 นั้นมีผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคอมมิวนิสต์อยู่เป็นจำนวนมาก แม้จะเป็นการออกเอกสารหรือพูดวิจารณ์เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาล รัฐบาลก็จะเหมาว่าเป็นการกระทำของคอมมิวนิสต์
ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 มีนิสิตนักศึกษาจำนวนหนึ่งออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาล แถลงการณ์ฉบับนั้นที่สำคัญที่สุดก็เป็นการประณามรัฐบาลที่ยึดอำนาจอยู่โดยไม่ยอมคืนประชาธิปไตยให้แก่ประชาชน พูดง่ายๆ ว่าเป็นเอกสารเรียกร้องรัฐธรรมนูญ
รัฐบาลของจอมพล ถนอม กิตติขจร ได้จับนิสิตนักศึกษาและผู้ที่ร่วมเรียกร้อง แต่ข้อหาที่ตั้งคือกระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์ ถ้าจำไม่ผิดคือจับไปทั้งหมด 13 คน
พอถูกจับไปแล้ว ปฏิกิริยาของนิสิตนักศึกษาก็เริ่มขึ้น เริ่มมีการชุมนุมโดยนิสิตจุฬาฯ และนักศึกษาหลายมหาวิทยาลัย รวมไปถึงนักเรียนอาชีวะ โดยการนำของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.)
นิสิตนักศึกษาเริ่มชุมนุมกันตั้งแต่จำนวนพันไปถึงจำนวนหมื่น การชุมนุมเริ่มมีมากขึ้นๆ จนเป็นจำนวนแสนคน
แทนที่รัฐบาลจะรู้สึกว่ากำลังจะเป็นสิ่งที่ระงับไม่ได้ แต่รัฐบาลกลับใช้ไม้แข็งในการเตรียมจะปราบนิสิตนักศึกษาที่ชุมนุมกัน
ก่อนวันเกิดเหตุผมไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ หนึ่งสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ พระองค์รับสั่งให้ผมไปเยี่ยมประชาชนในภาคอีสาน ผมไปโดยเครื่องบิน ผมเดินทางกลับมาในวันที่ 13 ตุลาคม 2516 พอมาถึงผมก็รู้ว่ามีการชุมนุมและทำท่าว่าเหตุการณ์จะบานปลาย
ตัวผมพร้อมด้วยนายทหารตำรวจจากในวังจำนวนหนึ่งก็ออกไปดูเหตุการณ์ โดยมีผู้แทนนิสิตนักศึกษาพาไป ในขณะนั้นการชุมนุมเคลื่อนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปจนถึงลานพระราชวังดุสิต หรือลานพระบรมรูปทรงม้า
เมื่อตอนเข้าไปดูก็ยังรู้สึกว่าเหตุการณ์จะไม่หนักหนาอะไร ก็ยังสังเกตว่าผู้ชุมนุมชุมนุมอย่างสงบ จะมีทำให้ไม่สบายใจอยู่บ้างก็เห็นมีนักเรียนอาชีวศึกษา มีไม้บ้าง เหล็กบ้าง วางไว้ข้างๆ ตัว
หลังจากเสร็จงานจากภาคอีสานแล้วพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชรก็กลับเข้าไปในวังสวนจิตรลดา ตอนเที่ยงวันที่ 13 ตุลาคม แล้วคอยดูแลผู้แทนของนิสิตนักศึกษาที่จะเข้าเฝ้าฯ พระเจ้าอยู่หัว
ตัวแทนนักศึกษาเข้าเฝ้าฯ กันอยู่จนเกือบสองทุ่มจึงกลับออกมา แต่ระหว่างออกจากสวนจิตรลดานั้น มีผู้แทนนิสิตนักศึกษาพูดขึ้นว่า “เราถูกหักหลังเสียแล้ว”
เพราะผู้ชุมนุมอยู่ข้างนอกได้ทำผิดข้อตกลงที่จะไม่เคลื่อนกำลังจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมาที่ลานพระราชวังดุสิต เพราะกังวลว่าถ้ามาถึงตรงนั้นแล้วอาจจะเลยมาถึงวังสวนจิตรลดา ซึ่งเขาไม่ต้องการจะให้เกิดขึ้น
ซึ่งเรื่องดังกล่าว เกิดจากความเข้าใจผิด เมื่อพูดกันไม่รู้เรื่องและทำท่าว่าเหตุการณ์เริ่มไม่สงบ ผู้แทนนิสิตนักศึกษาก็ไม่ยอมออกจากวัง
และต่อมาก็เกิดการปล่อยข่าวลือบิดเบือนข้อเท็จจริงว่า “นักศึกษาที่เข้าวังถูกฆ่าตายหมด” ซึ่งเป็นจุดชนวนของเหตุการณ์เดือนตุลา ที่เริ่มต้นจาก 14 ตุลา 16 และประทุขึ้นอีกครั้งเมื่อ 6 ตุลา 19
จะสังเกตได้ว่า ยุทธวิธีการสร้างข่าวลือบิดเบือนข้อเท็จจริง มีใช้มานานและได้ผล แม้ยุคปัจจุบันที่สามกีบป่วนเมือง ต่อต้านนายกฯลุงตู่ ต่อต้านสถาบันฯ ก็เกิดจากการปล่อยข่าวลือและเสพแต่ข่าวเท็จของเยาวชนและประชาชน
และตัวการใหญ่ต้นเรื่องที่เป็นตัวการที่ทำให้เกิดปัญหาต่อเนื่องมากมายคือ สหรัฐอเมริกา หรือไม่? ซึ่งดำเนินนโยบายจัดระเบียบโลก เพื่อรักษาอำนาจทางการเมือง การทหารและเศรษฐกิจของตน นั้นมีมาตั้งแต่ยุคเหตุการณ์เดือนตุลา มาจนถึงปัจจุบันยุคสามกีบ
ตุลาคม 2516 ด้วยอิทธิพลการขยายตัว”ทางการเมือง”ของค่ายคอมมิวนิสต์ สหรัฐฯ กลัวว่าตัวเองจะเสียโลกให้แก่สหภาพโซเวียตและจีน
(พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร)
ตุลาคม 2564 ภัยคอมมิวนิสต์หมดไปนานแล้ว แต่
สหรัฐฯ เปลี่ยนมากลัวอิทธิพลการขยายตัว”ทางเศรษฐกิจ” และกลัวว่าตัวเองจะเสียโลกให้แก่จีนและรัสเซีย
(อัษฎางค์ ยมนาค)
สหรัฐอเมริกา จีนและรัสเซีย ผู้ที่มีเบื้องหน้ายิ้มเข้าหากัน แต่มีเบื้องหลังที่แยกเขี้ยวใส่กัน เป็นศัตรูตลอดกาล จากสงครามเย็นทางการเมืองในอดีตสู่สงครามเย็นทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยอาศัยประเทศเล็กประเทศน้อยในภูมิภาคเป็นสนามรบ
สหรัฐอเมริกา “ผู้หวังดีต่อประชาคมโลก” คือผู้อยู่เบื้องหลังแห่งความวุ่นวายในเมืองไทยและภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกมาทุกยุคทุกสมัย หรือไม่? ด้วยข้ออ้างว่า เป็นผู้รักษาสันติภาพ แต่ความจริงคือผู้ทำลายสันติภาพ โดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม
บ้านเมืองอันสงบร่มเย็นของเราจึงเกิดความวุ่นวายแตกแยก เพราะบ้านเมืองของเราเป็นตัวตายตัวแทน เป็นสนามรบของสงครามตัวแทนของมหาอำนาจสองฝ่ายนั้นเอง
……………….…………………..……………….……………….
อัษฎางค์ ยมนาค
สรุปจากคำบอกเล่าของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร