ภาพตราประจำตระกูล
“ยมนาค”
ผู้คุ้มครองและรักษาความยุติธรรมทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
นามสกุล ยมนาค เป็นนามสกุลที่มีประวัติและความสำคัญในประเทศไทย โดยนามสกุลนี้ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ซึ่งในยุคนั้นมีการพระราชทานนามสกุลให้แก่ตระกูลต่าง ๆ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย เพื่อให้ประชาชนใช้ในการแสดงถึงความเป็นตระกูลและลำดับชั้นทางสังคม
ที่มาของนามสกุล ยมนาค
คำว่า “ยมนาค” มาจากการผสมคำจากนามจากผู้ที่เป็นต้นตระกูลคือ “เจ้าพระยายมราช“ ซึ่งมีชื่อตัวว่า “บุญนาค“ โดยมีตำแหน่งเป็น “เสนาบดีกรมเมือง“ ซึ่งเทียบเคียงกับตำแหน่ง “รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย“ ในปัจจุบัน
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) พระราชทานนามสกุล ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้านำคำว่า ”ยม“ ที่มาจากราชทินนามของ เจ้าพระยายมราช และคำว่า “นาค” ที่มาจากชื่อ บุญนาค
“ยม” หมายถึงพญายมทูตหรือพญายมราช
ยมราช หมายถึงเทพเจ้าผู้เป็นใหญ่ประจำโลกของคนตาย หรือเทพผู้ควบคุมความเป็นความตายและความยุติธรรมตามความเชื่อในศาสนาฮินดูและพุทธศาสนา
พญายมราชเป็นผู้ที่ดูแลและตัดสินบาปบุญของผู้ที่เสียชีวิตแล้ว ซึ่งบทบาทของพญายมราชในด้านนี้มีความเชื่อมโยงกับความยุติธรรมและการลงโทษผู้กระทำผิด
ในบริบทของ การปกครองสมัยโบราณของไทย ตำแหน่ง “เจ้าพระยายมราช“ คือ เสนาบดีกรมเมือง เป็นผู้รับผิดชอบดูแลความสงบเรียบร้อยในเมือง การบังคับใช้กฎหมาย และการจัดการกับผู้ที่กระทำความผิด เปรียบเสมือนผู้มีหน้าที่รักษาความยุติธรรมและความสงบเรียบร้อยในสังคม
ดังนั้น พญายมราชหรือเจ้าพระยายมราช คือรักษาความยุติธรรมและความสงบเรียบร้อยในสังคม
คำว่า “ยมราช” ถูกนำมาใช้เป็น ราชทินนามของเสนาบดีกรมเมือง เพื่อสื่อถึงบทบาทหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย ตัดสินโทษ และรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
ตำแหน่งเสนาบดีกรมเมืองมีหน้าที่ดูแล กิจการภายในอาณาจักร โดยเฉพาะในด้านความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง การบังคับใช้กฎหมาย การปกครองท้องถิ่น รวมถึงการดูแลการจัดเก็บภาษีและควบคุมกำลังทหารในพื้นที่เมืองต่าง ๆ ซึ่งคล้ายกับบทบาทของ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ในปัจจุบันที่ดูแลการปกครองส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น ตลอดจนการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ
ส่วนคำว่า “นาค” หมายถึงพญานาค
ซึ่งเป็นสัตว์ในตำนานที่มีความสำคัญในวัฒนธรรมและความเชื่อของคนไทย
คำว่า “นาค” หรือ พญานาค ตามความเชื่อในวัฒนธรรมไทยและในศาสนาฮินดูและพุทธศาสนา มีความหมายถึงงูใหญ่ที่มีอิทธิฤทธิ์และพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ ซึ่งพญานาคถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญในหลายด้าน เช่น การปกป้อง การคุ้มครอง และการปกครอง นอกจากนี้ พญานาคยังมีบทบาทสำคัญในเรื่องของน้ำและความอุดมสมบูรณ์ รวมถึงการสื่อถึงพลังอำนาจในการควบคุมและรักษาสมดุลของธรรมชาติ
อำนาจและอิทธิฤทธิ์ของพญานาคในแง่ของการปกครอง
พญานาคมักถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของผู้ปกป้องคุ้มครองจากอันตรายและภัยพิบัติ
ในแง่ของการปกครอง
พญานาคสื่อถึง อำนาจในการปกป้องประชาชนและบ้านเมือง ผู้ปกครองที่ได้รับการเชื่อมโยงกับพญานาคมักถูกมองว่ามีความสามารถในการรักษาความสงบเรียบร้อย ปกป้องบ้านเมืองจากศัตรู หรืออันตรายต่างๆ
ในตำนาน บางครั้งพญานาคยังถูกมองว่าเป็นผู้ปกป้องธรรมะและเป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรม
ความเชื่อในพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ
พญานาคมีพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ เช่น การแปลงกายเป็นมนุษย์ การควบคุมน้ำ และการสื่อสารกับเทพเจ้า ซึ่งแสดงถึง อำนาจในการควบคุมและจัดการธรรมชาติและสังคม ในการปกครอง พญานาคจึงถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของผู้มีอำนาจที่สามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ และนำความสงบสุขมาสู่บ้านเมือง
สัญลักษณ์แห่งน้ำและความอุดมสมบูรณ์
พญานาคถูกเชื่อมโยงกับน้ำและความอุดมสมบูรณ์ ในหลายวัฒนธรรม พญานาคถูกมองว่าเป็นผู้ควบคุมน้ำ เช่น แม่น้ำหรือทะเลสาบ ซึ่งสอดคล้องกับการควบคุมทรัพยากรและความมั่งคั่งของบ้านเมืองในการปกครอง
สัญลักษณ์แห่งการสนับสนุนผู้ปกครองธรรมราชา
พญานาคมักมีความเชื่อมโยงกับการสนับสนุนผู้ปกครองที่เป็นธรรมะ เช่น ในตำนานเรื่อง พญานาคและพระพุทธเจ้า ที่พญานาคคอยคุ้มครองพระพุทธเจ้าในช่วงเวลาสำคัญ ความเชื่อมโยงนี้อาจสื่อถึง ความชอบธรรมในการปกครอง ซึ่งผู้นำที่มีคุณธรรมและมีความยุติธรรมจะได้รับการสนับสนุนจากอำนาจที่สูงกว่าและความศักดิ์สิทธิ์
สรุป
เมื่อนำคำว่า “ยม” ซึ่งมาจาก ยมราช (เทพเจ้าผู้ตัดสินบาปบุญและปกครองโลกของคนตาย) และคำว่า “นาค” ซึ่งมาจาก พญานาค (สัญลักษณ์แห่งอำนาจ การปกป้อง และความอุดมสมบูรณ์) มารวมกัน จากวิถีโลกโบราณสู่บริบทในโลกปัจจุบัน
“ยม-นาค” จึงสื่อความหมายเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับ “อำนาจ การปกครอง และความยุติธรรม”
When the word “Yom” (derived from Yamaraja, the deity who presides over justice, ruling the realm of the dead and the balance of deeds) is joined with “Nak” (rooted in the figure of the Naga, a symbol of power, protection, and prosperity), the confluence of these two ancient forces reflects a profound symbolism.
From the ancient world to the context of modernity, “Yom-Nak” thus signifies the deeper connection between authority, governance, and justice—evoking the eternal interplay of power and righteousness, as both forces must converge to maintain balance and order in the cosmos, much as they do within society.
Yomanak,” when expounded through the lens of Western philosophy, reflects the dual nature of authority and justice. It stands as a symbol of the force by which governance is wielded with both strength and fairness. It embodies the delicate balance between the power to rule and the moral duty to protect and uphold justice for all. Just as rulers of old endeavoured to harmonise order with virtue, so too does Yomnak signify the union of leadership with moral integrity, where power is ever tempered by righteousness.
In this regard, Yomanak reflects the noble ideal of ‘just authority’ — an authority that is at once resolute and tempered by ethical responsibility. It represents the force of governance that upholds strength alongside moral rectitude. Such is the manner in which the great philosophers of the West, like Plato and Aristotle, envisioned the virtuous leader — one who holds justice and virtue at the core of their rule, ever mindful of the greater good in the wielding of power.”
”ยมนาค“ หากอธิบายในเชิงวิถีปรัชญาตะวันตก จะมีความหมายสะท้อนถึงธรรมชาติสองด้านของอำนาจและความยุติธรรม โดยเป็นสัญลักษณ์ของพลังที่ใช้ปกครองด้วยความเข้มแข็งและความยุติธรรม เป็นตัวแทนของความสมดุลระหว่างอำนาจในการปกครองและหน้าที่ทางจริยธรรมในการปกป้องและรักษาความยุติธรรมสำหรับทุกคน เช่นเดียวกับที่ผู้ปกครองในอดีตพยายามประสานระหว่างระเบียบและคุณธรรม ยมนาคจึงสะท้อนถึงการผสานกันของความเป็นผู้นำและความซื่อตรงทางศีลธรรม ที่ซึ่งอำนาจต้องถูกควบคุมด้วยความชอบธรรม”
ในมุมมองนี้ ยมนาค สะท้อนถึงอุดมคติของ “อำนาจที่เป็นธรรม” ซึ่งหมายถึงผู้ปกครองหรือพลังที่ใช้ในการปกครองที่มีทั้งความแข็งแกร่งและความรับผิดชอบทางจริยธรรม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดในปรัชญาตะวันตก เช่นของ เพลโต และ อริสโตเติล ที่เน้นถึงความสำคัญของคุณธรรมและความยุติธรรมในความเป็นผู้นำ
ในขณะที่ ความเชื่อในศาสนาพุทธ-ฮินดู และวิถีไทย
ยมราชเป็นผู้คุ้มครองและตัดสินในโลกหลังความตาย ขณะที่พญานาคเป็นผู้คุ้มครองในโลกนี้ การรวมกันของสองคำนี้จึงสื่อถึง การคุ้มครองทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญของผู้นำที่ต้องดูแลทั้งชีวิตของประชาชนในแง่ของความยุติธรรมและความเป็นอยู่ที่ดี
ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า “ยมนาค” ซึ่งมีที่มาจาก พญายมราช และ พญานาค หมายถึง ผู้คุ้มครองและรักษาความยุติธรรมทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
ขอแถมมาอีกหน่อย
กับชื่อ อัษฎางค์
คำว่า “อัษฎางค์” มาจากรากศัพท์ภาษาสันสกฤตและบาลี โดยคำนี้มีความหมายดังนี้:
“อัษฎา” แปลว่า แปด หรือ แปดส่วน
“องค์” แปลว่า ส่วน หรือ อวัยวะ
ในบริบทของพระพุทธศาสนา “อัษฎางค์” หมายถึง องค์ 8 หรือ มรรคมีองค์ 8 (อัฏฐังคิกมรรค)
ซึ่งหมายถึงทางสายกลางที่มีองค์ประกอบ 8 ข้อ ซึ่งเป็นแนวทางในการปฏิบัติสู่การตรัสรู้ หรือองค์ประกอบด้านของคุณธรรมแปดข้อที่เชื่อมโยงกันเพื่อนำไปสู่การดับทุกข์
ในกรณี คำว่า “อัษฎางค์” ที่นำมาใช้ในชื่อบุคคล เพื่อสื่อถึงความสมบูรณ์หรือความครบถ้วนขององค์ประกอบทั้ง 8 อย่างเชิงสัญลักษณ์
“Atsadang” derives from the Sanskrit and Pali roots, where “Aṭṭha” signifies the number eight, and “Anga” refers to parts or limbs. Thus, Atsadang can be understood as “the eight parts” or “the one composed of eight limbs.”
In the philosophical traditions of the East, the number eight carries significant symbolic weight, often associated with completeness, balance, and the path to virtue. For instance, in Buddhism, the Noble Eightfold Path (Aṭṭhaṅgika-magga) represents the path to enlightenment, comprising eight interconnected virtues that lead to the cessation of suffering. In this context, Atsadang could symbolize a state of wholeness or harmony, where each part contributes to the greater good of the whole, much as the limbs of a body must work in unison.
ในปรัชญาและความเชื่อของตะวันออก เลขแปดมีความสำคัญเชิงสัญลักษณ์ มักเกี่ยวข้องกับความสมบูรณ์ ความสมดุล และเส้นทางสู่คุณธรรม เช่นในพระพุทธศาสนา อริยมรรคมีองค์ 8 เป็นแนวทางสู่การตรัสรู้ ซึ่งประกอบด้วยคุณธรรมแปดข้อที่เชื่อมโยงกันเพื่อนำไปสู่การดับทุกข์ ในบริบทนี้ “อัษฎางค์” สามารถสื่อถึง ภาวะความสมบูรณ์หรือความกลมกลืน ที่แต่ละส่วนเชื่อมโยงกันและส่งเสริมกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดของทั้งหมด เช่นเดียวกับที่อวัยวะในร่างกายต้องทำงานร่วมกันอย่างสมดุล
อัษฎางค์ ยมนาค
ผู้ที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์ขององค์ประกอบทั้ง 8 ซึ่งเป็นผู้คุ้มครองและรักษาความยุติธรรมทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ในเชิงสัญลักษณ์
เพิ่งรู้เหมือนกันว่า ชื่อและนามสกุลมีความหมายลึกซึ้งได้ขนาดนี้ ดังนั้นควรจะฝึกฝนตนบำเพ็ญตนให้อยู่ในครรลองแห่งธรรมให้สมกับชื่ออันเป็นมิ่งมงคลยิ่งนี้
ตราประจำตระกูล ออกแบบโดย พ.ต.อ.ทวยหาญ ยมนาค นายตำรวจที่เป็นสถาปนิก และท่านเป็นบิดาของ อ. อ.เกริกบุระ ยมนาค ศิลปินและอดีตอาจารย์คณะศิลปกรรม จุฬา
พ.ต.อ.ทวยหาญ เป็นบุตรของ ขุนวีระลักษณะสำแดง (จีน ยมนาค) ซึ่งเป็นผู้ที่ขอพระราชทานนามสกุลยมนาค ส่วนคุณปู่ของผมเป็นน้องชายของท่าน