
🚀 SpaceX Starship กับอนาคตของ Sub-Orbital Travel: โอกาสและผลกระทบต่อไทย
โดย อัษฎางค์ ยมนาค
Starship: ยานอวกาศแห่งอนาคตของ SpaceX
Starship เป็นโครงการยานอวกาศที่ SpaceX พัฒนาโดยมีเป้าหมาย….
• 1) ส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์
โดย NASA เลือก Starship เป็นยานที่ใช้ใน โครงการ Artemis ซึ่งจะนำมนุษย์กลับไปดวงจันทร์ภายในทศวรรษนี้
• 2) ส่งมนุษย์ไปดาวอังคาร
Elon Musk วางแผนใช้ Starship เป็นยานอวกาศที่พามนุษย์ไปตั้งอาณานิคมบนดาวอังคาร ต้องการทำให้ “มนุษยชาติเป็นเผ่าพันธุ์ข้ามดาว” (Multiplanetary Species)
• 3) ส่งดาวเทียมและสินค้าไปอวกาศ
Starship สามารถใช้ ปล่อยดาวเทียม และขนส่งสินค้าไปยังวงโคจรโลก หรือไปยังดวงจันทร์และดาวอังคารได้
ซึ่ง Starship จะเป็นการเดินทางไกลในอวกาศ เพื่อขนส่งสินค้าไปยังวงโคจรโลก หรือไปยังดวงจันทร์และดาวอังคารได้ โดยออกแบบให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ทั้งหมด (ทั้งยานและจรวดขับดัน สามารถบินขึ้นและลงจอดได้เหมือนเครื่องบิน) เพื่อลดต้นทุนการเดินทางสู่อวกาศ
โดยสามารถจุบรรทุกน้ำหนัก 100-150 ตันและรองรับผู้โดยสารได้ถึง 100 คน สำหรับภารกิจไปยังดาวอังคาร
• 4) การเดินทางแบบ Sub-Orbital
Sub-Orbital Flight หมายถึงการบินขึ้นไปสูงกว่าบรรยากาศชั้นสตราโตสเฟียร์และเข้าสู่อวกาศ แต่ไม่สามารถเข้าสู่วงโคจรของโลกได้ (Orbital Flight)
สตราโตสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่อยู่เหนือ โทรโพสเฟียร์ (Troposphere) ซึ่งเป็นชั้นที่เราหายใจอยู่ โดยมีความสูงจากพื้นโลกประมาณ 12 – 50 กิโลเมตร ชั้นนี้เป็นบริเวณที่เครื่องบินโดยสารทั่วไปบินอยู่ที่ระดับ 10-12 กิโลเมตร
โดยชั้นโอโซน (Ozone Layer) ซึ่งช่วยดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากดวงอาทิตย์ ก็อยู่ในสตราโตสเฟียร์
การเข้าสู่วงโคจรของโลก (Orbital Flight) ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ความสูง แต่ขึ้นอยู่กับความเร็วด้วย โดยทั่วไป ระดับความสูงของวงโคจรต่ำของโลก (Low Earth Orbit, LEO) อยู่ที่ประมาณ 160 – 2,000 กิโลเมตร
การอยู่ในวงโคจร (Orbital Flight) ต้องใช้ความเร็วอย่างน้อย 28,000 km/h (17,500 mph) เพื่อให้แรงโน้มถ่วงของโลกและแรงเฉื่อยสมดุลกัน
เที่ยวบิน Sub-Orbital สามารถสูงได้ตั้งแต่ 50 กิโลเมตรขึ้นไป แต่ไม่ถึงระดับที่ทำให้เข้าสู่วงโคจร ตามมาตรฐานสากล ขอบอวกาศ (Kármán Line) อยู่ที่ 100 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดที่ถือว่า “เข้าสู่อวกาศ”
ตัวอย่างเที่ยวบิน Sub-Orbital เช่น
• Blue Origin’s New Shepard (พาคนขึ้นไปสูงถึง 107 กิโลเมตร แล้วตกกลับลงมา)
• SpaceShipTwo ของ Virgin Galactic (สูงประมาณ 80-90 กิโลเมตร)
โดยยานจะพุ่งขึ้นไปถึงระดับความสูงหนึ่งแล้วตกกลับลงมา โดยอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก
ถ้าต้องการเข้าสู่วงโคจร (Orbital Flight) → ต้องสูง 160 กม.ขึ้นไป และต้องมีความเร็ว ~28,000 km/h ถ้าสูงแต่ไม่มีความเร็วพอ → จะตกกลับโลก (Sub-Orbital Flight)
Starship กับภารกิจ Sub-Orbital
แม้ว่า Starship ถูกออกแบบมาสำหรับการเดินทางแบบวงโคจร (Orbital Flight) เป็นหลัก แต่ก็สามารถทำภารกิจแบบ Sub-Orbital ได้ การเดินทางแบบนี้อาจใช้สำหรับการทดสอบระบบก่อนเข้าสู่วงโคจรจริง และอาจถูกใช้สำหรับ การเดินทางข้ามโลกแบบ Hypersonic Point-to-Point Travel
Starship และอนาคตของ Sub-Orbital Travel
SpaceX มีแนวคิดใช้ Starship สำหรับการเดินทางข้ามโลกแบบ Sub-Orbital
Point-to-Point Hypersonic Travel
• Starship สามารถใช้เป็น “เครื่องบินข้ามโลกความเร็วสูง” โดยสามารถเดินทางจาก นิวยอร์กไปโตเกียวในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
🚀 Starship กับอนาคตของ Sub-Orbital Travel: โอกาสและผลกระทบต่อไทย
เทคโนโลยี Point-to-Point Hypersonic Travel ที่ใช้ยาน Starship ของ SpaceX เป็นแนวคิดการเดินทางข้ามโลกด้วยความเร็วสูง (Mach 5+ หรือมากกว่า 6,000 กม./ชม.) โดยใช้ เส้นทาง Sub-Orbital ซึ่งสามารถลดเวลาการเดินทางจาก หลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาทีหรือชั่วโมงเดียว
ตัวอย่างระยะเวลาเดินทางที่อาจเกิดขึ้น:
• กรุงเทพฯ → ลอนดอน อาจใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง (จากเดิม 12+ ชั่วโมง)
• กรุงเทพฯ → โตเกียว อาจลดเหลือ 30 นาที
🚀 โอกาสที่ไทยอาจได้รับประโยชน์ผลประโยชน์จาก Starship Hypersonic Travel
1) ถ้าไทยสามารถดึงดูด SpaceX หรือบริษัทอื่นๆ ให้ตั้งสถานี Hypersonic ที่นี่ จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินแห่งอนาคต เนื่องจาก….
• ทำเลที่ตั้งเหมาะสม: กรุงเทพฯ ตั้งอยู่กลางเอเชีย เชื่อมต่อ ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออก
• สนามบินสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางอยู่แล้ว: ถ้ามีการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับยาน Hypersonic ไทยสามารถเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทางของโลกได้
• รองรับการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ: ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักเดินทางทั่วโลก
2) เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง
3) Hypersonic Travel จะเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางของนักธุรกิจระดับโลก และจะสามารถดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวระดับสูง
อุปสรรคและความท้าทายของไทย
1) โครงสร้างพื้นฐานของไทยยังไม่พร้อมสำหรับ Hypersonic Travel และการสร้างสนามบินสำหรับ Hypersonic ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล
2) ค่าใช้จ่ายการเดินทาง Hypersonic อาจสูงมาก
🚀 สรุป
Hypersonic Travel อาจทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเดินทางแห่งอนาคต แต่ต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การออกกฎหมาย และดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่
ถ้าไทยสามารถดึงดูด SpaceX หรือบริษัทอื่นๆ มาตั้งฐานปล่อยยานที่นี่ จะเป็นโอกาสครั้งใหญ่ที่ช่วยให้ไทยเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมอวกาศและการบินแห่งอนาคต